บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ผู้นำด้านราคาพร้อมตำแหน่งห้างค้าปลีกในใจชุมชน เผยความเคลื่อนไหวในไตรมาสสุดท้ายประจำปี 2558 เปิดตัวแคมเปญการตลาดเพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชน โดยขนสินค้ามากกว่า 5,000 รายการ มาลดราคาถูกกว่าปีที่แล้ว กระตุ้นเศรษฐกิจสนองภาครัฐ สร้างความคึกคักให้แก่อุตสาหกรรมค้าปลีกและตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านราคาในหมู่ผู้บริโภค พร้อมเผยทิศทางการตลาดในปี 2559 โดยมุ่งเน้นราคา เทศกาลสำคัญของคนไทย และการใช้โซเชียลมีเดีย
มร.โรเบิร์ต ก็อดวิน รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำด้านราคา สิ่งสำคัญที่สุดคือ การทำให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าคุณภาพในราคาถูก ลดค่าครองชีพประชาชน และเอื้อให้เกิดการจับจ่ายได้อย่างเป็นสุขแม้ในสภาพการณ์ต่างๆ และจากการสำรวจของ บิ๊กซี พบว่า ลูกค้าไม่ได้ต้องการแค่โปรโมชันที่ดึงดูดใจแค่เพียงอย่างเดียว แต่ลูกค้าต้องการราคาที่ดีที่สุด จึงเป็นที่มาของแคมเปญ “ราคาถูกลงกว่าปีที่แล้ว” หรือ “Cheaper Than Last Year” ที่บิ๊กซีนำสินค้ามากกว่า 5,000 รายการ มาลดราคาให้ถูกลงกว่าที่ขายในปี 2557 ไม่จำกัดเพียงแค่อาหารสด แต่ครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภคทุกประเภทที่จำเป็นในชีวิตประจำวันทั้งในราคาปกติ และสินค้าราคาโปรโมชันที่จะผลัดเปลี่ยนรายการเป็นประจำทุกสัปดาห์ มาซื้อเมื่อไรก็จะได้สินค้าราคาถูกกว่าปีที่แล้วโดยไม่ต้องรอโปรโมชัน
แคมเปญดังกล่าวเป็นการสื่อสารถึงจุดแข็งด้านราคาของบิ๊กซีในไตรมาสนี้ โดยเป็นส่วนหนึ่งของงบการตลาดตลอดปีรวม 9 พันล้านบาท ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีมีการจัดโปรโมชันอย่างต่อเนื่อง เช่น ซื้อ 1 แถม 1, ซื้อ 2 แถม 1, มหกรรมลดราคาสินค้าแม่และเด็ก หรือการลดราคาอาหารสด 10% ทุกวันพุธ เป็นต้น เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนซึ่งเป็นนโยบายหลักของบิ๊กซี
“ด้วยการจัดการต้นทุนภายใน ทั้งด้านระบบจัดการด้านซัปพลายเชนที่สมบูรณ์แบบขึ้นจากการเปิดใช้ศูนย์กระจายสินค้าอาหารสดลาดกระบังในปีนี้ และศูนย์กระจายสินค้าสำหรับมินิบิ๊กซีที่ธัญบุรีในปีที่ผ่านมา ทำให้ช่วยลดระยะการเดินทาง และลดการสูญเสียได้มากกว่าพันล้านบาทต่อปี ประกอบกับการลดราคาอาหารสดเพิ่ม 10% ทุกวันพุธ เฉลี่ยแล้วจึงช่วยให้ลูกค้าประหยัดขึ้น 5% ต่อการชอปปิ้งในแต่ละครั้งเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนกำลังซื้อที่ชะลอตัวของผู้บริโภค คาดว่าจะไม่กระทบต่อการออกแคมเปญ เพราะบิ๊กซีเน้นสินค้าคุณภาพราคาถูกที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายไม่ว่าจะอยู่จุดใดของประเทศ” มร.โรเบิร์ต ก็อดวิน กล่าวเพิ่มเติม
การเปิดตัวแคมเปญ “ราคาถูกลงกว่าปีที่แล้ว” หรือ “Cheaper Than Last Year” เป็นหนึ่งในดีเอ็นเอความจริงใจที่สะท้อนหน้าที่พลเมืองที่ดีของบิ๊กซีในการช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนตลอดการอยู่เคียงข้างผู้บริโภคไทยมากว่า 22 ปี นี้ ตอกย้ำสถานะผู้นำด้านราคาควบคู่กับการเป็นห้างค้าปลีกในใจชุมชน
ปัจจุบัน บิ๊กซีมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง มีสาขาไฮเปอร์มาร์เกตรวมทั้งสิ้น 124 สาขา (บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซีจัมโบ้) บิ๊กซี มาร์เกต 45 สาขา (สาขาล่าสุดที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น) มินิบิ๊กซี 368 สาขา และร้านขายยาเพรียว 161 สาขา ทำให้มีสาขารวมทั้งสิ้น 698 สาขา ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ทิศทางการตลาดของบิ๊กซีในปี 2559 จะยังคงยึดมั่นเรื่องความเป็นผู้นำด้านราคาสินค้าให้แก่ประชาชน และให้ความสำคัญต่อทุกเทศกาลสำคัญของคนไทย เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน วาเลนไทน์ สงกรานต์ หรือในช่วงเวลาสำหรับการเฉลิมฉลอง นอกจากนี้ จะเน้นการทำตลาดผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อดึงการมีส่วนร่วมของลูกค้า รูปแบบเดียวกับแคมเปญออนไลน์ Big C J Challenge. Big C J Your Fat Off ที่กำลังจัดขึ้นเพื่อนำเสนอความหลากหลายของเมนูเจในราคาประหยัดต้อนรับเทศกาลถือศีลกินเจ แต่เหนือสิ่งอื่นใด บิ๊กซีจะคงความเป็นห้างค้าปลีกในใจชุมชนด้วยกิจกรรม CSR ที่โดดเด่น และการทำหน้าที่เป็นพลเมืองที่ดีในสังคมเพื่อประโยชน์อันยั่งยืนของประเทศ
ด้านรายได้จากการขายไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 คิดเป็นจำนวนประมาณ 28,400 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน -4.4% แต่มีปริมาณยอดจำหน่ายสินค้ากลุ่มอาหารเพิ่มขึ้น +1.9% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้ากลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่วนอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมลดลงในอัตรา -5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะชะลอตัวแต่รายได้จากค่าเช่า และค่าบริการสถานที่ยังเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างแข็งแกร่ง โดยสามารถสร้างรายได้เป็นเงินจำนวนประมาณ 2,400 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตรา 2.7%