ค้าปลีกไทยบูมสุดขีด สมาคมฯ ศูนย์การค้าระบุในช่วง 2 ปีจากนี้กลุ่มสมาชิกทุ่มเม็ดเงินลงทุนทะลุ 1 แสนกว่าล้านบาท ผลักดันให้ไทยก้าวขึ้นสู่ศูนย์กลางชอปปิ้ง พร้อมเดินหน้าถก รมว.ท่องเที่ยวฯ หามาตรการกระตุ้นไตรมาสสุดท้าย จี้รัฐบาลปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าลักชัวรีดูดนักเที่ยว
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางของธุรกิจการค้าชอปปิ้งและการท่องเที่ยวของภูมิภาคอาเซียน หลังจากที่มีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) หรือปี 2559 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ทั้งกลุ่มมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในภูมิภาคประมาณ 60 ล้านล้านบาท และมีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงถึง 160-200 ล้านคน
ดังนั้น สมาชิกของสมาคมฯ จึงมีการลงทุนพัฒนาทางด้านค้าปลีกและศูนย์การค้า มีการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจค้าปลีก ซึ่งจากการประเมินแล้วพบว่า ในช่วงสองปีจากนี้ คือปี 2559-2560 จะมีงบประมาณการลงทุนจากกลุ่มสมาชิกสมาคมฯ ประมาณ 103,000 ล้านบาท
โดยกลุ่มสมาชิกผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์การค้าในสมาคมฯ ได้ร่วมมือกันทุ่มเม็ดเงินลงทุนในช่วงปี 2558-2560 เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ๆ ระดับเมกะโปรเจกต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า 500,000 ตร.ม. และโครงการไลฟ์สไตล์มอลล์ที่มีความทันสมัยและตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคใหม่มากยิ่งขึ้น โดยโครงการเมกะโปรเจกต์รับการเปิด AEC ได้แก่ โครงการ ดิ เอ็ม ดิสทริค บนถนนสุขุมวิท โครงการ เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ซูเปอร์รีจินัล มอลล์ แห่งเซาท์อีสต์เอเชีย บนแยกบางใหญ่ ที่สร้างปรากฏการณ์ Talk of the Town ไปแล้วหลังการเปิดตัวได้ไม่นาน รวมถึงอีกหนึ่งโปรเจกต์ใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ โครงการ ไอคอน สยาม ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
โครงการไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งใหม่ อย่าง เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ และโครงการ Expansion ที่จะมีการขยายโครงการให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มความเป็นไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น อย่าง โครงการเฟสใหม่ของ Crystal Park และโครงการ ZPELL ของฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในหัวเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอย่าง ภูเก็ต ของซีพีเอ็น และเดอะมอลล์ กรุ๊ป และโครงการใหญ่ที่จังหวัดนครราชสีมา ของทั้ง ซีพีเอ็น เดอะมอลล์ กรุ๊ป และ สยาม รีเทล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด อีกด้วย
ปัจจุบันสมาคมศูนย์การค้าไทยมีสมาชิกทั้งสิ้น 10 บริษัท ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามพิวรรธน์ กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด, บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน), บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด,บริษัท สยามรีเทล ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด ผู้พัฒนาศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์, บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และ บริษัท เค.อี. แลนด์ จำกัด ผู้พัฒนาศูนย์การค้า คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่การค้าในไทยมากกว่า 50%
จากการลงทุนต่อเนื่องนี้เองทำให้พื้นที่ค้าปลีกในกลุ่มของสมาคมฯ จะขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่าเดิม ซึ่งเดิมปีที่แล้วปี 2558 ที่มีพื้นที่รวม 11 ล้านตารางเมตร และคาดการณ์ว่าจะมีประมาณ 12.7 ล้านตารางเมตรในปี 2560 แต่ปัจจุบันพื้นที่เพิ่มเป็น 12 ล้านตารางเมตรแล้วซึ่งเร็วกว่าเดิม สมาคมฯ จึงปรับเป้าหมายใหม่ คาดว่าในปี 2560 พื้นที่ค้าปลีกทั้งหมดของสมาชิกฯ จะเพิ่มเป็น 14 ล้านตารางเมตร และถ้าหากรวมทั้งประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกด้วยก็จะมีพื้นที่ค้าปลีกรวมประมาณ 21 ล้านตารางเมตร
นางสาววัลยากล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม นอกจากการลงทุนเองของภาคเอกชนแล้ว ยังต้องการให้ภาครัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนนโยบายการดำเนินงานต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจการค้า และการท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาคและของโลกในระยะยาวด้วย
ทั้งนี้ สมาคมฯ ต้องการเสนอให้รัฐบาลพิจารณาการปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆ เช่น สินค้าลักชัวรีแบรนด์เนมแฟชั่นต่างๆ จากเดิมเก็บ 30% ก็ให้ทยอยลดลงปีละ 5% เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง อย่างเช่น จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม รัสเซีย เป็นต้น เพราะกลุ่มเหล่านี้มีศักยภาพแต่มาท่องเที่ยวไทยน้อย รวมไปถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ด้วย
ขณะเดียวกัน ทางสมาคมฯ เตรียมที่จะเข้าพบและหารือกับนางสาวกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมกันหามาตรการกระตุ้นตลาดค้าปลีกและการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เพราะก่อนหน้านี้บรรยากาศค่อนข้างซบเซาจากปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น แนวทางเบื้องต้นอาจจะจัดเป็นแพกเกจรวมทั้งชอปปิ้ง อาหาร ท่องที่ยว กีฬา และอื่นๆ เป็นต้น
“หากประเทศไทยสามารถดำเนินการและจัดการให้ตรงตามความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวแล้ว จะทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยมากขึ้นแน่นอน และจะส่งผลดีต่อเป้าหมายที่สมาคมฯ ต้องการกระตุ้นยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งจะทำให้รายได้รวมภาคการท่องเที่ยวของไทยเพิ่มขึ้นอีก 10% ขณะที่การค้าปลีกเอกชนก็จะมีรายได้เติบโตเฉลี่ย 5-10% ทุกปี” นางสาววัลยากล่าว