ตลาดเครื่องซักผ้าแข่งขันหนัก เหตุตลาดรวมลดลง เศรษฐกิจไม่ดีแต่แนวโน้มยังโตเพราะการถือครองของครัวเรือนไทยยังต่ำ เผยทุกแบรนด์หลักส่งรุ่นใหม่ อัดโปรโมชัน วางกลยุทธ์ตลาด หวังดันยอดขายและเพิ่มส่วนแบ่ง จับตา “ศึกฝาหน้า” แอลจีหวังโค่นผู้นำตลาด
ตลาดเครื่องซักผ้าถือเป็นอีกตลาดหนึ่งที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและต่อเนื่อง แม้จะไม่หวือหวาก็ตาม เพราะว่าอัตราการถือครองเครื่องซักผ้าของคนไทยยังต่ำอยู่มาก ประมาณ 30% ของจำนวนครัวเรือนในไทยเท่านั้นเอง ที่มีมากกว่า 20 ล้านครัวเรือน ยังต่ำมาก และยังมีช่องว่างอีกเมื่อเทียบกับการถือครองทีวี และตู้เย็น ของคนไทยที่ถือว่าแทบเต็ม 100% แล้ว
ทั้งนี้ การเติบโตของเครื่องซักผ้าได้นั้นมี 2 แนวทาง คือ 1. การได้ลูกค้าใหม่ๆ ของผู้บริโภคที่ยังไม่มีเครื่องซักผ้า และ 2. การได้ลูกค้าเก่าที่มีอยู่แล้วแต่เปลี่ยนครื่องใหม่ที่เป็นเทคโนโลยีสูงขึ้น ประกอบกับปัจจัยย่อยอื่นๆ เช่น การกระตุ้นตลาดของผู้ประกอบการ และช่วงเวลาขายหรือหน้าขายของเครื่องซักผ้าซึ่งก็คือช่วงฤดูฝนที่เป็นอยู่ในเวลานี้ โดยประเมินว่าช่วงหน้าฝนคือหน้าขายของเครื่องซักผ้าด้วยสัดส่วนมากกว่า 30% ของการขายทั้งปี
นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องซักผ้าช่วง 7 เดือนแรกปี 2558 นี้ แม้ว่าจะตกลง 1% ก็ตาม เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี กำลังซื้อถดถอย โดยมูลค่าตลาดรวมเครื่องซักผ้าในประเทศไทยมีประมาณ 12,000 ล้านบาท หรือปริมาณ 1.3 ล้านเครื่องต่อปี และประเมินว่าปีนี้ตลาดรวมน่าจะเติบโตได้แค่ 2-3% และปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 5-10% เพราะภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น
เขายังประเมินด้วยว่า การแข่งขันของตลาดเครื่องซักผ้าในปัจจุบันนี้ หากเป็นตลาดบนราคามากกว่า 10,000 บาทขึ้นไปจะแข่งที่เทคโนโลยี ส่วนตลาดล่างราคาต่ำกว่า 10,000 บาทลงมาจะแข่งที่โปรโมชัน
อย่างไรก็ตาม หากฉายภาพคร่าวๆ จากการสำรวจของแอลจี กับกลุ่มตัวอย่าง 100 ตัวอย่าง ในระดับราคา 10,000 บาทขึ้นไปพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามให้คะแนนดังนี้ 1. ประสิทธิภาพการซัก 39% 2. ความทนทาน 23% 3. การใช้งานง่าย 19% 4. เสียง 17% 5. การประหยัด 14% และอื่นๆ
ขณะที่แนวโน้มของเครื่องซักผ้าที่จะเติบโตจาก 3 กลุ่มหลักในแง่ของปริมาณ คือ 1. แบบ 2 ถัง สัดส่วนตลาด 45% เมื่อปีที่แล้ว ปีนี้คาดว่าจะเป็น 42% และเหลือ 40% ในปีหน้า (2559) 2. แบบฝาบน สัดส่วนประมาณ 45% เมื่อปีที่แล้ว จะเพิ่มเป็น 48% ในปีนี้ และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 50% ในปีนหน้า (2559) และ 3. แบบฝาหน้า สัดส่วนตลาด 10% ปีที่แล้ว และคาดว่าตลาดกลุ่มนี้จะทรงตัวอย่างนี้ไปถึงปีหน้า
นั่นหมายความว่า ตลาดแบบ 2 ถังเป็นตลาดที่เริ่มลดลง ส่วนตลาดแบบฝาบนเป็นตลาดที่เติบโตดี
โดยตลาดรวมนั้น กลุ่ม 2 ถังและฝาหน้าแบรนด์แอลจีเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 33% ขณะที่ฝาหน้า ค่ายยุโรปนำตลาดผู้นำคือแบรนด์อีเลคโทรลักซ์ มากกว่า 30% โดยมีแอลจีรั้งที่สอง ส่วนแบ่งต่ำกว่า 30%
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการหลายแบรนด์ ทั้งเกาหลี ยุโรป และญี่ปุ่น จึงหันมามุ่งเน้นตลาดกลุ่มฝาบนกันเป็นหลัก และมีการออกเทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆ มาตอบสนองตลาดต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น อีเลคโทรลักซ์ ซัมซุง แอลจี พานาโซนิค เป็นต้น
นายสุทธิ มโนกิจจรูญมั่น ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเลคโทรลักซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำในตลาดเครื่องซักผ้าฝาหน้าในตลาดเมืองมานาน ซึ่งมั่นใจว่าปีนี้ก็จะยังสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดพร้อมกับการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้อีก ด้วยกลยุทธ์การวางตลาดสินค้ารุ่นใหม่ การเสนอเทคโนโลยี รวมไปถึงการส่งเสริมการขายต่อเนื่อง
ทั้งนี้ โปรโมชันล่าสุดที่เพิ่งจบไปของอีเลคโทรลักซ์ คือโปรโมชัน Rainy Privilegeต้อนรับหน้าฝน แลกซื้อเครื่องอบผ้าราคาพิเศษ เมื่อซื้อเครื่องซักผ้าฝาหน้าอีเลคโทรลักซ์ความจุ 8 กิโลกรัม รุ่น EWF10843, EWF12843 หรือ EWF12832 ที่มีฟังก์ชันพิเศษ Vapour พร้อมรับสิทธิ์แลกซื้อเครื่องอบผ้ารุ่น EDV6051 ความจุ 6 กิโลกรัม ราคาพิเศษ 9,990 บาท (จากปกติราคา 15,900 บาท) พร้อมผ่อน 0% นาน 6 เดือน 31 สิงหาคม 2558
ทางด้านค่ายซัมซุง วางแผนปีนี้จะรุกหนักและเปิดตัวเครื่องซักผ้าทั้งฝาบนและฝาหน้ารวม 14 รุ่น ประกอบด้วย เครื่องซักผ้าฝาบนรุ่น “ซัมซุง แอคทีฟ ดูอัลวอช” รวม 10 รุ่น ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นตลาดใหญ่ที่ซัมซุงให้ความสำคัญ โดยเปิดตัว แอ็กทีฟ ดูอัลวอช เป็นประเทศที่สองต่อจากเกาหลีใต้ ขนาด 10-16 กิโลกรัม ราคา 10,990-27,990 บาทที่เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงปี 2558 และเครื่องซักผ้าฝาหน้าอีก 4 รุ่น ที่วางครึ่งปีหลัง อีกทั้งปีนี้ซัมซุงยังทุ่มงบตลาดมากกว่าเดิม 2 เท่า ซึ่งมากที่สุดที่เคยทำมา
พานาโซนิคก็มีการออกรุ่นใหม่ พร้อมกับงบการตลาดเต็มที่จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า โดยชูคอนเซ็ปต์ Made in Japan (เมดอินเจแปน) และ Japan Quality (เจแปน ควอลิตี้) ภายใต้มาตรฐานพานาโซนิคที่ได้รับความน่าเชื่อถือ และไว้วางใจในประสิทธิภาพความคงทนของสินค้า เพื่อที่จะต่อสู้กับแบรนด์เกาหลีที่มาแรงในช่วงหลัง ซึ่งพานาโซนิคมียอดขายจากเครื่องซักผ้าและเครื่องทำน้ำอุ่นรวมกันในสัดส่วน 45% จากรายได้องค์กร นั่นย่อมหมายถึงเครื่องซักผ้าจะเป็นสินค้าเรือธงตัวหนึ่ง
ขณะที่ค่ายแอลจีนั้น นายนิพนธ์ ผู้บริหารค่ายแอลจี ย้ำว่า สำหรับแอลจี 7 เดือนแรกปี 2558 นี้เติบโต 2% ส่งผลให้ขณะนี้มีส่วนแบ่งตลาดรวม 32% เพิ่มจากปีที่แล้วที่ 31% ปีนี้จึงเน้นออกสินค้ารุ่นใหม่ที่เป็นฝาบน เทอร์โบชอต มากถึง 6 รุ่น เครื่องซักผ้าฝาหน้า LG Turbo Shot มีขนาดตั้งแต่ 11-20 กิโลกรัม ราคาเริ่มตั้งแต่ 14,900-34,900 บาท และถือว่าเปิดตัวเร็วกว่าทุกปีที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ช่วงปลายปีด้วยซ้ำไป
ท้้งนี้ แอลจีตั้งเป้ายอดขายเฉพาะ 6 รุ่นใหม่นี้ประมาณ 2,500 เครื่องต่อเดือน ซึ่ง 4 เดือนปีนี้คาดว่าจะทำยอดขาย 10,000 เครื่อง และปีหน้าตั้งเป้าหมายรุ่นนี้มียอดขายเดือนละ 3,000 เครื่อง ด้วยงบการตลาดปีนี้ที่วางไว้ที่ 50 ล้านบาท กระจายในทุกสื่อ และแยกออกมา 20% เพื่อใช้กับการตลาดออนไลน์เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วย ช่องทางออนไลน์จะมีแคมเปญใหญ่ที่จะเปิดตัวเดือนหน้า
อีกทั้งช่วงปลายปีนี้แอลจีเตรียมวางตลาดรุ่นใหม่ของกลุ่มฝาหน้าอีก 7 รุ่นด้วย เป้าหมายหลักของแอลจีคือ ต้องการเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องซักผ้าฝาหน้าให้ได้ในปีหน้า หรือปี 2559
แอลจีเองมั่นใจว่าจะทำได้ไม่ยาก เนื่องจากทุกวันนี้ห่างจากผู้นำตลาดฝาหน้าไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง
ศึกเครื่องซักผ้า จากนี้คงแข่งขันกันหนักขึ้นกว่าเดิมอีก เนื่องจากแต่ละแบรนด์ต้องแย่งมาร์เกตแชร์ด้วยการเพิ่มยอดขายในตลาดรวมที่ตกลง ขณะที่ตลาดฝาหน้าก็ต้องจับตาดูว่าแอลจีจะโค่นอีเลคโทรลักซ์ได้หรือไม่