เฟอร์นิเจอร์รับปัจจัยหนุน สบช่องลุยตลาดใน-นอก

เผยปัจจัยหนุนรอบด้านเอื้อโอกาสทองอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ทั้งอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการอสังหาฯ ตามแนวรถไฟฟ้าที่เริ่มแล้วเสร็จและยังคงมีต่อเนื่องถึงปี 2570 เอื้อธุรกิจเฟอร์นิเจอร์โตควบคู่ แนะผู้ประกอบการส่งออกเร่งเจาะตลาดใหม่ขนาดใหญ่ในจีน สหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศอาเซียน

นายไชยยงค์ พงษ์สุทธิมนัส ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดรวมเฟอร์นิเจอร์มีมูลค่าประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นตลาดส่งออกประมาณ 4 หมื่นล้านบาท และตลาดภายในประเทศ 2-3 หมื่นล้านบาท โดยมีผู้ประกอบการประมาณ 400-500 ราย ส่วนใหญ่เป็นระดับเอสเอ็มอีประมาณ 60-70% ซึ่งที่ผ่านมาต่างมีการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดในตลาดอย่างมีศักยภาพ

สำหรับสถานการณ์การส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีมูลค่า 530.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนถือว่า -10.33% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ประกอบกับตลาดหลักที่สำคัญๆ ต่างมีกำลังซื้อลดลง โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นมีคำสั่งซื้อลดลง 20% มาเลเซียลดลง 30% และเวียดนามลดลง 9% จึงคาดว่าเป้าหมายการส่งออกของปี 2558 ประมาณ 1.28-1.3 พันล้านบาทจะอยู่ในระดับ -5% หรือมีมูลค่าประมาณ 1.14 พันล้านบาท สูงกว่าปี 2557 เพียงเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของภาคการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ยังถือว่ามีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจัยด้านอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทของไทยที่อ่อนค่าลง 35-36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ประกอบกับสามารถทำตลาดส่งออกใหม่ทดแทนได้ คือ จีนเติบโตขึ้น 20% และสหรัฐอเมริกาเติบโตขึ้น 23% ขณะเดียวกันตลาดส่งออกใหม่ที่มีความน่าสนใจคือพม่า เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่เริ่มสงบ ประกอบกับมีการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คาดว่าตลาดจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากที่ผ่านมามีการเติบโตเฉลี่ย 7-8%

“ในส่วนของตลาดในประเทศซึ่งได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีแรก แต่จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยวงเงิน 1 แสนล้านบาท รวมถึงมาตรการลดหย่อนภาษีรายได้เหลือ 10% ซึ่งเอื้อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น คาดว่าในปี 2558 ตลาดจะเติบโตประมาณ 5% จากปกติที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 7-8%” นายไชยยงค์กล่าวในตอนท้าย

ด้าน นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย กล่าวเสริมว่า แม้ภาคการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ในระดับติดลบ อันเป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก ประกอบกับตลาดส่งออกสำคัญคือญี่ปุ่นมีกำลังซื้อที่ลดลง แต่คาดว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทยไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก เพราะสามารถทำตลาดใหม่ที่มีขนาดใหญ่เป็นการทดแทนได้ทั้งจีน สหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศอาเซียน

ขณะที่ตลาดภายในประเทศซึ่งแม้ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอาจอยู่ในภาวะคงที่เพราะผู้บริโภคยังไม่มีการจับจ่ายมากนัก แต่ในช่วงครึ่งหลังปี 2558 ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกของปี 2559 ต้องถือเป็นโอกาสทองในรอบ 10 ปีที่จะขยายตลาดเพิ่มขึ้น หลังจากที่ภาครัฐมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในโครงการต่างๆ เป็นมูลค่า 2 แสนล้านบาท จึงเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคที่มีรายได้น้อยเพิ่มขึ้น

การเติบโตของโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ที่เริ่มก่อสร้างแล้วเสร็จและทยอยโอนให้ผู้ซื้อ ทั้งยังมีโครงการต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแนวรถไฟฟ้าสายต่างๆ จนถึงปี 2570 ยังถือเป็นปัจจัยอีกประการหนึ่งที่ส่งผลให้อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ยังคงมีโอกาสเติบโตควบคู่ไปด้วย โดยจะเริ่มเห็นผลชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสที่สามและสี่ของปี 2559 เป็นต้นไป

“ปัจจัยสำคัญที่สะท้อนให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทยว่ายังคงมีความสดใส คือการขยายสาขาของผู้ประกอบการแบรนด์ใหญ่ๆ ทั้งเอสบี เฟอร์นิเจอร์ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ รวมถึงโฮมโปร ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดความต้องการของตลาดเฟอร์นิเจอร์เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทยถือเป็นผู้นำระดับโลกทั้งในเรื่องของการออกแบบและผลิต ซึ่งมีแนวโน้มเป็นไปในลักษณะมิกซ์แอนด์แมตช์มากขึ้น ขณะที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องเทรนด์สีในแต่ละปีเป็นเรื่องปกติ” นายอารักษ์กล่าวในตอนท้าย

อนึ่ง กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเรือนไทย กำหนดจัดงาน TFIC Furniture Outlet 2015 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 ระหว่างวันที่ 23-27 ก.ย. 58 ณ ฮอลล์ 1-4 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยผู้สนใจสามารถเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์หลากหลายสไตล์ รวมถึงของตกแต่งบ้านอีกมากมายในราคาลดสูงสุดถึง 80%