“สุวิทย์” เตรียมดันแผนช่วยเอสเอ็มอีเข้า ครม. วาง 3 แนวทางช่วยสร้างตลาด เพิ่มความรู้ และเชื่อมโยงเครือข่าย เล็งพัฒนาตลาดค้าส่งค้าปลีกให้เป็นแหล่งขายสินค้าให้แก่เกษตรกร เอสเอ็มอี และโอทอป พร้อมรุกการค้าตามแนวชายแดน เตรียมปรับ thaitrade.com ให้เป็นแหล่งช่วยเอสเอ็มอีโกอินเตอร์
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จะนำเสนอแผนดูแลผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ให้นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ พิจารณาก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีของรัฐบาล เบื้องต้นกำหนดแนวทางดำเนินการไว้ 3 แนวทาง คือ การสร้างตลาด การเพิ่มความรู้ และการพัฒนาเชื่อมโยงเครือข่าย
ทั้งนี้ ในด้านการสร้างตลาด จะนำตลาดค้าส่งค้าปลีกที่มีอยู่แล้วทั่วประเทศ 84 แห่ง ใน 36 จังหวัดมาปรับปรุงเพื่อใช้เป็นแหล่งขายสินค้าให้เกษตรกร เอสเอ็มอี และสินค้าโอทอป ซึ่งจะเป็นแหล่งค้าที่ถาวรต่างกับการค้าผ่านงานแสดงสินค้าที่เคยดำเนินการมา
ขณะเดียวกันจะเร่งพัฒนาผู้ประกอบการค้าส่งตามแนวชายแดนให้เข้มแข็ง เพื่อให้การค้าชายแดนขยายตัวอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องถึงผู้ผลิตรายย่อยอื่นๆ และการพัฒนาผู้ประกอบเอสเอ็มอีให้เข้าถึงตลาดอาเซียน โดยจะเน้นเจาะสินค้ารายประเทศภายใต้แนวคิดมองอาเซียนเป็นตลาดเดียวกับตลาดภายในประเทศ หรือ One Asean รวมทั้งจะนำโครงการพี่จูงน้องที่ดำเนินการอยู่แล้วมาเพิ่มศักยภาพให้ช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้มากขึ้น
นอกจากนี้จะเร่งพัฒนาช่องทางการค้าที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใช้การค้าออนไลน์มากขึ้น ซึ่งไทยมี thaitrade.com เป็นช่องทางอยู่แล้ว แต่พบว่ายังไม่เพียงพอ เนื่องจากยังมีข้อจำกัดหลายด้าน แต่มีข้อดีคือเป็นเว็บไซต์ของรัฐบาลที่มีการคัดกรองข้อมูลและผู้ประกอบการที่ร่วมดำเนินการ สามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ เบื้องต้นจะปรับปรุงการทำงานของเว็บไซด์ดังกล่าว โดยเพิ่มงบประมาณจากเดิม 20 ล้านบาท เป็น 120-130 ล้านบาท
สำหรับการเพิ่มความรู้ให้กับเอสเอ็มอีจะเน้นการพัฒนาด้านการจัดการภายใน การสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ และพัฒนาผู้ประกอบการแฟรนไชส์ให้ไปสู่อาเซียนมากกว่าอยู่แต่ภายในประเทศ
ส่วนการพัฒนารายกลุ่ม กระทรวงพาณิชย์จะเน้นการเชื่อมโยงกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อาหาร เกษตร พลังงาน ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ท่องเที่ยว สุขภาพ และวัฒนธรรม ซึ่งจะดำเนินการไปพร้อมกับการมุ่งขยายตัวภาคการค้าบริการให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการส่งออกในปีนี้คงจะไม่ดีขึ้น แต่ส่วนแบ่งตลาดของไทยไม่ได้ลดลง ถือว่าดีแล้ว แต่คงพอใจระดับนี้ได้แค่ระยะสั้น ซึ่งต้องประคองรายได้ของคนในประเทศไม่ให้ลดลงมากจากการส่งออกที่ลดลง