เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
ตั้งเป้าผู้นำด้านโลจิสติกส์ครบวงจรในอาเซียน
เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินแบบครบวงจร (Fully Integrated In Land Logistics ServicesProvider) ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ของอาเซียน โดยจะขยายการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าในประเทศกลุ่ม CLMV
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนจำนวน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยทุนที่ออกจำหน่ายและชำระแล้วทั้งหมด มีจำนวน 480 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกอีก 120 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ และบริษัทย่อย เป็นผู้ให้บริการรับฝากสินค้าและให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร (Fully Integrated Inland Logistics Service Provider) โดยครอบคลุมการให้บริการ 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจให้บริการรับฝากและบริหารสินค้าบนพื้นที่ทั่วไปและพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) โดยมีสินค้าที่ให้บริการ 4 ประเภทคือ สินค้าทั่วไป สินค้าอันตราย รถยนต์ และสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง 2. ธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าในประเทศและขนส่งสินค้าข้ามแดน เช่น ประเทศลาว และประเทศเมียนมาร์ ฯลฯ 3. ธุรกิจให้บริการขนย้ายในประเทศและต่างประเทศเจาะกลุ่มองค์กรและบุคคล โดยให้บริการขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้สำหรับที่พักอาศัย อุปกรณ์สำนักงาน อุปกรณ์เครื่องจักรสำหรับโรงงาน และสิ่งของสำหรับงานแสดงสินค้าและศิลปะ 4. ธุรกิจให้บริการรับฝาก บริการจัดการเอกสารและข้อมูลอย่างครบวงจร และ 5.ธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจให้เช่าอาคาร-คลังสินค้า และธุรกิจให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
นายชวนินทร์ กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศอย่างครบวงจรมานานกว่า 35 ปี ปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่การให้บริการทั้งในเขตพื้นที่ทั่วไปและเขตปลอดอากรรวม 775,743 ตารางเมตร ประกอบด้วยคลังสินค้าจำนวน 40 หลัง พื้นที่รวม 206,488 ตารางเมตร และลานรับฝากสินค้า 569,255 ตารางเมตร โดยตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง 608,187 ตารางเมตร ถนนกรุงเทพกรีฑา 4,575 ตารางเมตร ถนนสามวา 19,200 ตารางเมตร ถนนบางนา-ตราด กม.19 94,480 ตารางเมตร สุวินทวงศ์ ฉะเชิงเทรา 18,905 ตารางเมตร มหาชัย สมุทรสาคร 27,996 ตารางเมตร และอำเภอสารภี เชียงใหม่ 2,400 ตารางเมตร พื้นที่ดังกล่าวรวมพื้นที่การให้บริการจัดการสินค้าอันตราย 184,000 ตารางเมตร ที่บริษัทฯได้รับสัมปทานเพียงรายเดียวในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ส่งผลให้สินค้าอันตรายทั้งหมดที่เข้า-ออกผ่านท่าเรือฯ ต้องผ่านคลังสินค้าอันตรายของบริษัทฯ เท่านั้น
สำหรับจุดแข็งของการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ นั้น 1. บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดินแบบครบวงจร ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการให้แก่ลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ได้แก่ บริการจัดการคลังสินค้าบนพื้นที่ทั่วไปและเขตปลอดอากร บริการขนส่งและกระจายสินค้าทั้งในประเทศและข้ามแดน บริการดำเนินพิธีทางศุลกากร บริการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับโลจิสติกส์ บริการขนย้าย และบริการรับฝากและจัดการข้อมูล
นอกจากนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นการให้บริการในกลุ่มธุรกิจที่มีความซับซ้อนสูงกว่าการให้บริการทั่วไปเป็นคนแรกๆ (First Mover Strategy) เช่น การบริหารจัดการคลังสินค้าอันตราย บริษัทได้รับสัมปทานจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้เป็นผู้ดูแล รับฝากและขนย้ายสินค้าอันตรายตาม พรบ.วัตถุอันตราย ปี 1992 ที่ทำการขนส่งผ่านท่าเรือแหลมฉบังเป็นระยะเวลา 30 ปี / บริษัทมีนักเคมีและหน่วยงานศูนย์รักษาความปลอดภัยสินค้าอันตรายคอยควบคุมทุกการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอันตราย เพื่อความปลอดภัยสูงสุด / บริษัทพัฒนาระบบฐานข้อมูล DG-net เพื่อเก็บทุกข้อมูลสินค้าอันตรายที่นำเข้าและส่งออกผ่านท่าเรือแหลมฉบัง และสามารถสืบค้นข้อมูลผ่านออนไลน์ได้ตลอดเวลาเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน / JWD เป็นเจ้าที่ 2 ในโลกที่ใช้ระบบสืนค้นตำแหน่งตู้สินค้าผ่านดาวเทียม(Differential GPS) ที่มีความคลาดเคลื่อนเพียง 30 ซม.
สินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นแช่แข็งบริษัทเป็นรายแรกที่ได้รับสิทธิในการจัดตั้งห้องเย็นเขตปลอดอากร ทำให้ผู้นำเข้าและส่งออกสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการงดเว้นภาษี บริษัทมีคลังสินค้า 3 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจหลัก ตั้งอยู่ในมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร, ถนนสุวินทวงศ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา, และถนนบางนา-ตราด จังหวัดสมุทรปราการ ลูกค้ารายใหญ่คือ ผู้นำเข้าปลาทูน่า (นำมาผลิตปลากระป๋องเพื่อส่งออก) และผู้ส่งออกไก่แช่แข็ง
สินค้ารถยนต์และส่วนประกอบบริษัทให้บริการรับฝากและบริหารสินค้าประเภทรถยนต์เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนส่งออก/นำเข้า ซึ่งรวมถึงบริการตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนการส่งมอบ บริการตรวจสอบการปนเปื้อน บริการขนส่ง บริษัทได้รับสิทธิในการให้บริการรับฝากในพื้นที่เขตปลอดอากรในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ลูกค้าหลักคือ Nissan, Tata, Isuzu
ทั้งนี้ บริษัทฯ นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาช่วยในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในห่วงโซ่อุปทานอย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง และรวดเร็ว ได้แก่ การควบคุมสินค้าคงคลัง การรับฝาก จัดเก็บและการจ่ายสินค้า การดำเนินพิธีการศุลการกร รวมถึงการติดตามสถานะของสินค้าแบบออนไลน์ ให้กับทุกประเภทสินค้าที่บริษัทจัดเก็บ
ส่วนภาพเรื่องการแข่งขันในตลาดต้องเล่าว่าเราเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดินที่ครบวงจร ผู้เล่นคนไทยที่มีครบวงจรแบบเราถือว่ามีน้อยราย ส่วนมากจะเป็นพวกบริษัทที่ให้บริการเป็นช่วงๆ ไม่ครบกระบวนการทั้งหมดของซัพพลายเชน เช่น สายเรือ ตัวแทนผู้นำเข้า-ส่งออกทางเรือและทางอากาศ บริษัทขนส่ง คลังสินค้าให้เช่า เป็นต้น เราจัดเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ดูแลทั้งกระบวนการ เช่นเดียวกับ global brands เช่น DHL, Kerry, FedEx, Yusen แต่ในเชิงการแข่งขันเราไม่ได้มองบริษัทระดับโลกเหล่านี้เป็นคูแข่ง เพราะบริษัทเหล่านี้เวลาเข้ามาทำตลาดนอกบ้านตัวเองก็มักหา partner ที่เป็น local hero ที่แข็งแกร่งเพราะต้องการลดความเสี่ยงด้านการลงทุนด้านที่ดินและคลังสินค้าซึ่งเป็นต้นทุนที่สูง ซึ่งทาง JWD ก็ให้บริการบริษัทระดับโลกเหล่านี้หลายราย
บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 2558บริษัทฯ มีรายได้ค่าเช่าและจากการบริการและรายได้จากการขาย 618.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2557 ร้อยละ 35.47 และมีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2558 จำนวน 79.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 131.64 จากไตรมาสเดียวกันของปี 2557 โดยเป็นผลจากการขยายการดำเนินการและการซื้อกิจการคลังสินค้าแช่เย็นแช่แข็ง
ส่วน โครงสร้างรายได้ตามงบการเงิน ณ ไตรมาส 1/2558 บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจบริการรับฝากและบริหารสินค้าเป็นจำนวน 499.9 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 80.89% ของรายได้ค่าเช่าและจากการบริการและรายได้จากการขายกลุ่มธุรกิจ บริการรับฝากและบริหารสินค้า499.9ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ80.89 บริการขนส่งสินค้า22.7]ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ3.68 บริการขนย้ายในประเทศและต่างประเทศ64.3ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.41 บริการรับฝากเอกสารและข้อมูล21.1ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.41 ธุรกิจอื่น ๆ10.0ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.61 รวมเป็นรายได้618.0ล้านบาท
จากรากฐานบริการที่แข็งแกร่งและครอบคลุมดังกล่าว จึงทำให้ JWD มีความพร้อมอย่างยิ่งในการต่อยอดทางธุรกิจไปสู่ตลาดประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน
“ภาพรวมของธุรกิจเราตลอดสามปีที่ผ่านมา เรามีการเติบโตต่อเนื่องโดยเฉลี่ย 17.4 เปอร์เซ็นต์ และเราคาดหวังว่าจะคงอัตราการเจริญเติบโตต่อไปให้ไม่น้อยกว่าที่ทำได้ในอดีต จากการขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มประเทศอาเซียน เราตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรระดับภูมิภาค โดยใช้จุดแข็งจากความหลากหลายของบริการของเราที่ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมหลัก โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ที่ซับซ้อนกว่ากลุ่มอุตสาหหรรมทั่วไป เช่น กลุ่มเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย กลุ่มยานยนต์ และกลุ่มอาหารและสินค้าแช่เย็นแช่แข็ง รวมถึงความแข็งแกร่งด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทางโลจิสติกส์ที่ทันสมัยซึ่งออกแบบและพัฒนาขึ้นโดยบริษัทฯ เอง เพื่อเสริมศักยภาพให้กับบริการของเราและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว”นายชวนินทร์ กล่าว
ตั้งเป้าผู้นำด้านโลจิสติกส์ครบวงจรในอาเซียน
เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินแบบครบวงจร (Fully Integrated In Land Logistics ServicesProvider) ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ของอาเซียน โดยจะขยายการดำเนินธุรกิจคลังสินค้าในประเทศกลุ่ม CLMV
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนจำนวน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยทุนที่ออกจำหน่ายและชำระแล้วทั้งหมด มีจำนวน 480 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกอีก 120 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ และบริษัทย่อย เป็นผู้ให้บริการรับฝากสินค้าและให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร (Fully Integrated Inland Logistics Service Provider) โดยครอบคลุมการให้บริการ 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจให้บริการรับฝากและบริหารสินค้าบนพื้นที่ทั่วไปและพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) โดยมีสินค้าที่ให้บริการ 4 ประเภทคือ สินค้าทั่วไป สินค้าอันตราย รถยนต์ และสินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นและแช่แข็ง 2. ธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าในประเทศและขนส่งสินค้าข้ามแดน เช่น ประเทศลาว และประเทศเมียนมาร์ ฯลฯ 3. ธุรกิจให้บริการขนย้ายในประเทศและต่างประเทศเจาะกลุ่มองค์กรและบุคคล โดยให้บริการขนย้ายสิ่งของเครื่องใช้สำหรับที่พักอาศัย อุปกรณ์สำนักงาน อุปกรณ์เครื่องจักรสำหรับโรงงาน และสิ่งของสำหรับงานแสดงสินค้าและศิลปะ 4. ธุรกิจให้บริการรับฝาก บริการจัดการเอกสารและข้อมูลอย่างครบวงจร และ 5.ธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจให้เช่าอาคาร-คลังสินค้า และธุรกิจให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
นายชวนินทร์ กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศอย่างครบวงจรมานานกว่า 35 ปี ปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่การให้บริการทั้งในเขตพื้นที่ทั่วไปและเขตปลอดอากรรวม 775,743 ตารางเมตร ประกอบด้วยคลังสินค้าจำนวน 40 หลัง พื้นที่รวม 206,488 ตารางเมตร และลานรับฝากสินค้า 569,255 ตารางเมตร โดยตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง 608,187 ตารางเมตร ถนนกรุงเทพกรีฑา 4,575 ตารางเมตร ถนนสามวา 19,200 ตารางเมตร ถนนบางนา-ตราด กม.19 94,480 ตารางเมตร สุวินทวงศ์ ฉะเชิงเทรา 18,905 ตารางเมตร มหาชัย สมุทรสาคร 27,996 ตารางเมตร และอำเภอสารภี เชียงใหม่ 2,400 ตารางเมตร พื้นที่ดังกล่าวรวมพื้นที่การให้บริการจัดการสินค้าอันตราย 184,000 ตารางเมตร ที่บริษัทฯได้รับสัมปทานเพียงรายเดียวในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ส่งผลให้สินค้าอันตรายทั้งหมดที่เข้า-ออกผ่านท่าเรือฯ ต้องผ่านคลังสินค้าอันตรายของบริษัทฯ เท่านั้น
สำหรับจุดแข็งของการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ นั้น 1. บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดินแบบครบวงจร ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการให้แก่ลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ได้แก่ บริการจัดการคลังสินค้าบนพื้นที่ทั่วไปและเขตปลอดอากร บริการขนส่งและกระจายสินค้าทั้งในประเทศและข้ามแดน บริการดำเนินพิธีทางศุลกากร บริการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับโลจิสติกส์ บริการขนย้าย และบริการรับฝากและจัดการข้อมูล
นอกจากนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นการให้บริการในกลุ่มธุรกิจที่มีความซับซ้อนสูงกว่าการให้บริการทั่วไปเป็นคนแรกๆ (First Mover Strategy) เช่น การบริหารจัดการคลังสินค้าอันตราย บริษัทได้รับสัมปทานจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้เป็นผู้ดูแล รับฝากและขนย้ายสินค้าอันตรายตาม พรบ.วัตถุอันตราย ปี 1992 ที่ทำการขนส่งผ่านท่าเรือแหลมฉบังเป็นระยะเวลา 30 ปี / บริษัทมีนักเคมีและหน่วยงานศูนย์รักษาความปลอดภัยสินค้าอันตรายคอยควบคุมทุกการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอันตราย เพื่อความปลอดภัยสูงสุด / บริษัทพัฒนาระบบฐานข้อมูล DG-net เพื่อเก็บทุกข้อมูลสินค้าอันตรายที่นำเข้าและส่งออกผ่านท่าเรือแหลมฉบัง และสามารถสืบค้นข้อมูลผ่านออนไลน์ได้ตลอดเวลาเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน / JWD เป็นเจ้าที่ 2 ในโลกที่ใช้ระบบสืนค้นตำแหน่งตู้สินค้าผ่านดาวเทียม(Differential GPS) ที่มีความคลาดเคลื่อนเพียง 30 ซม.
สินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นแช่แข็งบริษัทเป็นรายแรกที่ได้รับสิทธิในการจัดตั้งห้องเย็นเขตปลอดอากร ทำให้ผู้นำเข้าและส่งออกสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการงดเว้นภาษี บริษัทมีคลังสินค้า 3 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจหลัก ตั้งอยู่ในมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร, ถนนสุวินทวงศ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา, และถนนบางนา-ตราด จังหวัดสมุทรปราการ ลูกค้ารายใหญ่คือ ผู้นำเข้าปลาทูน่า (นำมาผลิตปลากระป๋องเพื่อส่งออก) และผู้ส่งออกไก่แช่แข็ง
สินค้ารถยนต์และส่วนประกอบบริษัทให้บริการรับฝากและบริหารสินค้าประเภทรถยนต์เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนส่งออก/นำเข้า ซึ่งรวมถึงบริการตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนการส่งมอบ บริการตรวจสอบการปนเปื้อน บริการขนส่ง บริษัทได้รับสิทธิในการให้บริการรับฝากในพื้นที่เขตปลอดอากรในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ลูกค้าหลักคือ Nissan, Tata, Isuzu
ทั้งนี้ บริษัทฯ นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาช่วยในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในห่วงโซ่อุปทานอย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง และรวดเร็ว ได้แก่ การควบคุมสินค้าคงคลัง การรับฝาก จัดเก็บและการจ่ายสินค้า การดำเนินพิธีการศุลการกร รวมถึงการติดตามสถานะของสินค้าแบบออนไลน์ ให้กับทุกประเภทสินค้าที่บริษัทจัดเก็บ
ส่วนภาพเรื่องการแข่งขันในตลาดต้องเล่าว่าเราเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ภาคพื้นดินที่ครบวงจร ผู้เล่นคนไทยที่มีครบวงจรแบบเราถือว่ามีน้อยราย ส่วนมากจะเป็นพวกบริษัทที่ให้บริการเป็นช่วงๆ ไม่ครบกระบวนการทั้งหมดของซัพพลายเชน เช่น สายเรือ ตัวแทนผู้นำเข้า-ส่งออกทางเรือและทางอากาศ บริษัทขนส่ง คลังสินค้าให้เช่า เป็นต้น เราจัดเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ดูแลทั้งกระบวนการ เช่นเดียวกับ global brands เช่น DHL, Kerry, FedEx, Yusen แต่ในเชิงการแข่งขันเราไม่ได้มองบริษัทระดับโลกเหล่านี้เป็นคูแข่ง เพราะบริษัทเหล่านี้เวลาเข้ามาทำตลาดนอกบ้านตัวเองก็มักหา partner ที่เป็น local hero ที่แข็งแกร่งเพราะต้องการลดความเสี่ยงด้านการลงทุนด้านที่ดินและคลังสินค้าซึ่งเป็นต้นทุนที่สูง ซึ่งทาง JWD ก็ให้บริการบริษัทระดับโลกเหล่านี้หลายราย
บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 1 ปี 2558บริษัทฯ มีรายได้ค่าเช่าและจากการบริการและรายได้จากการขาย 618.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2557 ร้อยละ 35.47 และมีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2558 จำนวน 79.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 131.64 จากไตรมาสเดียวกันของปี 2557 โดยเป็นผลจากการขยายการดำเนินการและการซื้อกิจการคลังสินค้าแช่เย็นแช่แข็ง
ส่วน โครงสร้างรายได้ตามงบการเงิน ณ ไตรมาส 1/2558 บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจบริการรับฝากและบริหารสินค้าเป็นจำนวน 499.9 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 80.89% ของรายได้ค่าเช่าและจากการบริการและรายได้จากการขายกลุ่มธุรกิจ บริการรับฝากและบริหารสินค้า499.9ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ80.89 บริการขนส่งสินค้า22.7]ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ3.68 บริการขนย้ายในประเทศและต่างประเทศ64.3ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.41 บริการรับฝากเอกสารและข้อมูล21.1ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.41 ธุรกิจอื่น ๆ10.0ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.61 รวมเป็นรายได้618.0ล้านบาท
จากรากฐานบริการที่แข็งแกร่งและครอบคลุมดังกล่าว จึงทำให้ JWD มีความพร้อมอย่างยิ่งในการต่อยอดทางธุรกิจไปสู่ตลาดประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน
“ภาพรวมของธุรกิจเราตลอดสามปีที่ผ่านมา เรามีการเติบโตต่อเนื่องโดยเฉลี่ย 17.4 เปอร์เซ็นต์ และเราคาดหวังว่าจะคงอัตราการเจริญเติบโตต่อไปให้ไม่น้อยกว่าที่ทำได้ในอดีต จากการขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มประเทศอาเซียน เราตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรระดับภูมิภาค โดยใช้จุดแข็งจากความหลากหลายของบริการของเราที่ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมหลัก โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ที่ซับซ้อนกว่ากลุ่มอุตสาหหรรมทั่วไป เช่น กลุ่มเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย กลุ่มยานยนต์ และกลุ่มอาหารและสินค้าแช่เย็นแช่แข็ง รวมถึงความแข็งแกร่งด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทางโลจิสติกส์ที่ทันสมัยซึ่งออกแบบและพัฒนาขึ้นโดยบริษัทฯ เอง เพื่อเสริมศักยภาพให้กับบริการของเราและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว”นายชวนินทร์ กล่าว