ASTV ผู้จัดการรายวัน - 5 ช่องทีวีดิจิตอลสุดทน ส่งทนายยื่นฟ้อง กสทช.เพิกเฉยและทำเกินหน้าที่ คำมั่นไม่เป็นไปตามจริง คนไทยยังเข้าถึงทีวีดิจิตอลได้น้อย ลากผู้ประกอบการย่ำแย่ต้นทุนมูลค่าความเสียหายกว่า 9.5 พันล้านบาท ส่วนอีก 2 ช่องถอนตัวกะทันหัน
วานนี้ (24 ส.ค.) เวลา 15.00 น. ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลรวม 5 ช่อง อันประกอบด้วย 1. ช่องวัน (หมายเลขช่อง 31) 2. ช่องพีพีทีวี (หมายเลขช่อง 36) 3.ช่องไทยรัฐทีวี (หมายเลขช่อง 32) 4. ช่องจีเอ็มเอ็มแชนแนล (หมายเลขช่อง 25) และ 5. ช่องไบรท์ทีวี (หมายเลขช่อง 20) ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการธุรกิจระดับชาติ ได้ส่งตัวแทนคือทนายไปยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ต่อศาลปกครองกลาง เรื่องขอเรียกร้องค่าเสียหาย กรณีที่ กสทช.ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลให้ประชาชนเสียโอกาสในการเข้าถึงทีวีดิจิตอล ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และทำให้ผู้ประกอบการต้องแบกภาระเพิ่มต้นทุนจากที่ควรจะเป็นเพื่อดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นต้นทุนที่ไม่ควรจ่าย โดย กสทช.ควรเป็นผู้รับผิดชอบ
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ “พีพีทีวี” (PPTV HD) เปิดเผยว่า สาเหตุที่มีการรวมตัวกันของผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิตอลทั้ง 5 ช่องในการยื่นฟ้อง กสทช.ต่อศาลปกครองกลางครั้งนี้ เนื่องจากพบว่าที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มประมูลช่องทีวีดิจิตอลจนถึงปัจจุบัน กสทช.ได้ละเว้น หรือทำเกินหน้าที่ในหลายๆ ด้านที่ส่งผลต่อประชาชนในภาพรวมให้เสียโอกาสและเสียสิทธิ์ในการเข้าถึงทีวีดิจิตอลตามที่ควรจะเป็น ซึ่งในความเป็นจริงมีการเข้าถึงทีวีดิจิตอลแค่เพียงบางส่วน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องดิ้นรนและมีต้นทุนเพิ่มจากที่ควรจะต้องจ่ายเพียงแค่ค่าสัมปทานเท่านั้น เพื่อทำให้ช่องของตนเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด รวมแล้วตั้งแต่เริ่มดำเนินการมาจนถึงปัจจุบันคิดมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 9.5 พันล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากเงินต้นดังกล่าวรวมกันทั้ง 5 ช่อง
จะเห็นได้ว่าการรวมตัวกันครั้งนี้มีผู้ประกอบการเพียง 5 ช่อง เนื่องจากเป็นกลุ่มช่องทีวีดิจิตอลน้องใหม่ที่ไม่มีฐานผู้ชมมาก่อน จึงเป็นกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนจากความล่าช้าของการเกิดของทีวีดิจิตอลมากที่สุด โดยเฉพาะช่อง PPTV HD ซึ่งประมูลในระบบ HD ถือเป็นช่องที่มีมูลค่าความเสียหายมากสุดร่วม 3 พันล้านบาท
จากปัจจุบันช่องทีวีดิจิตอล 25 ช่อง แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1. กลุ่มฟรีทีวีแอนะล็อกเดิม 4 ช่อง ซึ่งมีฐานผู้ชมเดิมอยู่แล้ว 2. กลุ่มทีวีดาวเทียมซึ่งบางรายเป็นผู้ผลิตรายการในฟรีทีวีมาก่อน เป็นอีกกลุ่มที่มีฐานผู้ชมอยู่แล้ว และ 3. กลุ่มช่องทีวีดิจิตอลน้องใหม่อีก 6-7 ช่อง โดยใน 2 กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่ไม่เดือดร้อนเพราะมีโฆษณาเข้าอยู่แล้วจากฐานผู้ชมที่มีอยู่ก่อน แต่ในกลุ่มที่ 3 ที่เป็นกลุ่มใหม่จริงๆ และไม่มีฐานผู้ชม จึงเป็นกลุ่มที่เดือดร้อนมากสุด ทำให้เกิดการรวมตัวยื่นฟ้อง กสทช.ในครั้งนี้
นายเขมทัตต์กล่าวเสริมว่า ปัญหาใหญ่ของการเกิดทีวีดิจิตอลที่สำคัญข้อหนึ่งคือ กสทช.ไม่เข้าใจในแพลตฟอร์มการรับชมโทรทัศน์ในบ้านเรา การเกิดของทีวีดิจิตอลจึงเกิดได้ยาก อีกทั้งตัวผู้ประกอบการที่มาจาก 3 กลุ่มไม่สามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนได้ จึงเป็นอุปสรรคในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อุตสาหกรรมทีวีดิจิตอลโดยรวม
อนึ่ง ก่อนครบกำหนดชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในงวดที่ 2 (24 พฤษภาคม 2558) กลุ่มดิจิตอลทีวีได้ดำเนินการทักท้วงและทวงถามเป็นหนังสือไปยัง กสทช.กับพวกแล้วหลายครั้ง เพื่อขอให้ กสทช. กับพวก หยุดการกระทำละเมิด และขอให้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ให้ครบถ้วนมาโดยตลอด แต่ กสทช. กับพวก กลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ ให้เป็นไปตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด กลุ่มดิจิตอลทีวีทั้ง 5 ช่องดังกล่าวจึงไม่มีทางเลือกและจำต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในงวดที่ 2 ไปตามกำหนด แต่ในการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตดังกล่าวนั้น กลุ่มดิจิตอลทีวีได้สงวนสิทธิในการเรียกค่าเสียหายเอาไว้ ด้วยเหตุนี้ กลุ่มดิจิตอลทีวีจึงจำเป็นต้องดำเนินการฟ้องคดีกับ กสทช. กับพวกเพื่อเรียกค่าเสียหายตามที่ได้กล่าวถึงข้างต้น และขอให้ กสทช. กับพวก หยุดการกระทำซ้ำและกระทำต่อไปซึ่งการละเมิดและขอให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายโดยเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เดิมการรวมตัวกันของทีวีดิจิตอลครั้งนี้จะมีถึง 7 ช่อง แต่ 2 ช่องได้ถอนตัวออกไปในเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนที่จะสรุปยื่นฟ้องในครั้งนี้ เชื่อว่าเกิดจากปัญหาภายในและเรื่องของประโยชน์ของแต่ละช่องที่มีความสนิทสนมกับ กสทช. ถือเป็นอุปสรรคที่ทำให้การเกิดของทีวีดิจิตอลมีปัญหามาโดยตลอด
ทั้งนี้ ในช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ ตัวแทนของทั้ง 5 ช่องได้มีการแจกเนื้อหาสรุปในการฟ้อง กสทช. ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อผู้ยื่นฟ้องและกราฟิกนำเสนอมูลค่าความเสียหายของแต่ละช่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มประมูลจนถึงปัจจุบัน