ASTV ผู้จัดการรายวัน - หัวเรือใหญ่ บมจ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น ฟุ้งปรับผังรายการใหม่ขยายฐานเจาะเทรนกลุ่มไลฟ์สไตล์ดิจิตอล พร้อมจี้ กสทช. ขาดความชัดเจนโปร่งใส ส่งผลกระทบต่ออุตฯ สื่อ
นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น หรือ NBC กล่าวว่า การปรับผังรายการใหม่เพื่อออกอากาศในระบบดิจิตอล เพื่อให้มีความหลากหลายเจาะกลุ่มผู้ชมรายใหม่ ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากการสำรวจพบว่ามีจำนวนผู้ชมรายการของ NATION TV เพิ่มขึ้นกว่า 100% เทียบกับระบบออกอากาศในอนาล็อกแบบเดิม โดยรวมผลประกอบการทีวีดิจิตอลในไตรมาส 1/2558 ปีนี้บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจกว่า 70%
แต่อย่างไรก็ตาม การแข่งขันกันสูงของดิจิตอลทีวี 24 ช่อง ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายต่างใช้กลยุทธ์ในการตรึงคนดูให้อยู่ที่หน้าจอช่องของตนเอง (eye ball war) โดยเนชั่นมั่นใจว่าจะสามารถรักษาฐานผู้ชมรายไว้ได้ ขณะที่รายการที่เพิ่มเข้ามาใหม่นั้น จะเน้นความหลากหลายทั้งเนื้อหาสาระ และความบันเทิงในรูปแบบรายการที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตที่เป็นไลฟ์สไตล์ดิจิตอลเพื่อผู้ชมมากขึ้น
“ทั้งนี้ จากการออกอากาศทีวีในระบบดิจิตอลตลอด 1 ปีที่ผ่านมา NATION TV มองว่า กสทช.ยังขาดความชัดเจน โปร่งใส และไม่มีการดำเนินการตามที่ประกาศไว้ในแผนแม่บทปี 2555 ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมการผลิตสื่อทีวีดิจิตอลทั้งหมด ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหม่ที่ยังไม่มีประสบการในการทำทีวีดิจิตอล ก็ประสบกับปัญหาขาดทุนตั้งแต่ระดับ 100%-1000% ซึ่งถ้าหากปัญหาดังกล่าวยังไม่มีมาตรการแก้ไขที่สาเหตุอย่างเด็ดขาดแล้ว คาดว่าในอนาคตจะเกิดผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการธุรกิจทีวีดิจิตอลอีกเป็นจำนวนมาก โดยหาก กสทช.หรือ กสท. ยังคงไม่เพิกเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้บริโภคที่มีทางเลือกมากกว่าก็จะหันไปเสพสื่ออื่นๆ มากกว่าสื่อมีอยู่ตรงหน้า”
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มองว่าสิ่งที่ กสทช.ควรทำคือการยึดกฎเกณฑ์ก่อนการประมูล ให้มีความโปร่งใส เป็นธรรม และรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนผ่านจากระบบอนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอลได้ 100% ไม่ใช่ทำได้เพียง 50% เท่านั้น เนื่องจากประชากรในประเทศไทยจำนวน 22 ล้านครัวเรือน สามารถรับชมทีวีในระบบดิจิตอลได้ทุกบ้าน ไม่ใช่รับผ่านระบบดาวเทียม (Must Carry) โดยปัจจุบันมีครัวเรือนที่มีกล่องรับสัญญาณดิจิตอลมีเพียงประมาณ 5 ล้านกล่อง หรือ 25% เท่านั้น ซึ่งในขณะนี้บริษัทฯ อยู่ในช่วงของการเตรียมข้อมูล และหลักฐานในการยื่นฟ้อง กสทช. ต่อกรณีการกำกับและควบคุมดูแลโดยมิชอบ
“ขณะที่ในส่วนของกรณีการประกาศเลิกทำธุรกิจทีวีดิจิตอล 2 ช่องของ นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ประธานกรรมการบริษัท ไทยทีวี และโลก้า ทีวี หลังประสบปัญหาขาดทุนกว่า 300 ล้านบาท นั้นคาดว่าจะเป็นปัญหาที่น่าจะหาข้อยุติได้ โดย กสทช. อาจต้องมีการแก้ไขข้อกฎเกณฑ์ให้ผู้ที่ประมูลช่องทีวีดิจิตอลได้ สามารถหาพันธมิตรมาเข้าร่วมธุรกิจได้ เพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจสื่อที่พลาดการประมูลในครั้งแรก ได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการทำทีวีดิจิตอลได้ ซึ่งถ้าหาก กสทช.ไม่ปรับกฎเกณฑ์ดังกล่าว คาดว่าจะกระทบต่อผู้ประกอบการรายอื่น เช่นกรณีจ่ายเงินประมูลในรอบนี้ ซึ่งในความเป็นจริงจะต้องจ่ายในปีหน้า แต่ กสทช.เรียกเก็บในปีนี้ ทำให้กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ อีกทั้งอัตราค่าโฆษณาที่มีสัดส่วนลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ซึ่งหาก บริษัท ไทยทีวี และโลก้า ทีวี จะยกเลิกธุรกิจทีวีดิจิตอล คาดว่าสถาบันการเงินที่เป็นผู้ออกเงินกู้ให้ก็คงไม่ยอมเช่นกัน”