“ซีอาร์จี” ผู้รับลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ “โอโตยะ” จับมือ S-Pure ผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพระดับพรีเมียมในเครือเบทาโกร พร้อมด้วยนักวิชาการทีมสัตวแพทย์วิชาการสุกร ร่วมชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีลูกค้าร้องเรียนพบสิ่งแปลกปลอมในอาหาร ยันผลการวินิจฉัย “ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด” สิ่งแปลกปลอมนั้นเป็นเพียงเส้นเลือดที่อยู่ในเนื้อหมูสันนอก ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อยากให้ลูกค้าฯ ร่วมแสดงความรับผิดชอบผ่านสื่อ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับโอโตยะที่ถูกพาดพิงในโลกออนไลน์ และกระแสสังคม พร้อมเปิดครัวโชว์มาตรฐานความพิถีพิถัน การคัดสรรวัตถุดิบในการปรุงอาหาร และการใส่ใจในคุณภาพ และสุขภาพของผู้บริโภค
นางอำไพพรรณ จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ แบรนด์โอโตยะ กล่าวว่า “จากเหตุการณ์ที่ลูกค้าได้เข้ารับประทานอาหารที่ร้านอาหารญี่ปุ่นโอโตยะ สาขาเดอะมอลล์ บางแค เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2558 พบสิ่งผิดปกติในเนื้อหมูจนเกิดข้อร้องเรียนในกระแสโซเชียลมีเดียนั้น ทางบริษัทฯ รับทราบปัญหามาโดยตลอด และได้เร่งประสานขอพบกับลูกค้าเพื่อติดต่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทำการขอโทษลูกค้า และพร้อมแสดงความรับผิดชอบ ในขณะเดียวกันก็มีการอธิบายให้ลูกค้าทราบถึงความเป็นไปได้ที่จะมีสิ่งแปลกปลอมดังกล่าวปนในอาหารซึ่งเป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากบริษัท เบทาโกร ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเนื้อหมู S-Pure ที่ร้านโอโตยะนำมาประกอบอาหารดังกล่าวนั้นมีขั้นตอนและมาตรฐานสูง ทั้งในการเลี้ยง แปรรูป และจัดส่ง รวมทั้งกรรมวิธีการเก็บรักษาวัตถุดิบของโอโตยะก็ปฏิบัติตามมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ทางลูกค้าแจ้งว่าต้องการนำชิ้นส่วนอาหารไปตรวจพิสูจน์ และยืนยันว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมแน่นอน ทางบริษัทเองก็แจ้งความจำนงขอแบ่งชิ้นส่วนอาหารไปตรวจในสถาบันตรวจสอบอีกทางหนึ่ง แต่ลูกค้าก็ปฏิเสธที่จะแบ่งชิ้นส่วนมาให้ตรวจสอบ
ดังนั้น ฝ่ายควบคุมคุณภาพของเครือเบทาโกรจึงได้นำเนื้อหมูชิ้นเดียวกับที่นำไปใช้ประกอบอาหารเสิร์ฟให้ลูกค้าไปทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบในห้องแล็ปปรากฏว่า “ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด” สิ่งแปลกปลอมนั้นเป็นเพียงเส้นเลือดที่อยู่ในเนื้อสันนอกซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ทางบริษัทจึงติดต่อลูกค้าเพื่อที่จะแจ้งอธิบายผลการตรวจสอบ แต่ก็ติดต่อลูกค้าไม่ได้ และลูกค้าซึ่งอ้างว่าได้ส่งชิ้นหมูไปตรวจสอบที่สถาบันต่างๆ ก็มิได้แจ้งผลการตรวจสอบจากทางลูกค้ากลับมาแต่อย่างใด จากนั้นก็เริ่มมีการส่งต่อข้อความต่างๆ ทั้งในพันทิป และช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมแน่นอน
“อย่างไรก็ตาม เมื่อลูกค้าไม่ได้มีการแจ้งผลการตรวจสอบจนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริง เนื่องจากข้อความและข่าวดังกล่าวมีผลกระทบต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของแบรนด์โอโตยะ และบริษัท โอโตยะ เรามุ่งมั่นในการให้บริการ และให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพอาหาร และการจัดการด้านสุขอนามัยตามมาตรฐานของสถานประกอบการร้านอาหารญี่ปุ่นโอโตยะ ประเทศญี่ปุ่น และขอถือโอกาสนี้วิงวอนไปยังลูกค้าที่ร้องเรียนฯ กรุณาร่วมแสดงความรับผิดชอบ พูดข้อเท็จจริงผ่านสื่อ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับโอโตยะ เนื่องจากเราถูกพาดพิงในโลกโซเชียล และกระแสสังคม”
“ขอฝากขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมเป็นกำลังให้เราตลอด ในขณะที่ โอโตยะ ยังไม่ได้ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริง เราก็ได้รับกำลังใจจากหลายๆ ท่านที่ร่วมคอมเมนต์ในโลกออนไลน์ ในการให้ความเป็นธรรม และความไว้วางใจในคุณภาพอาหารของโอโตยะ ด้วยดีเสมอมาค่ะ” นางอำไพพรรณกล่าวเสริมตอนท้าย
นายรุ่งโรจน์ ชื่นทศพลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดแบรนด์ S-Pure กล่าวว่า เนื้อหมู S-Pure (Super Hygienic Pork) ถือเป็นเนื้อหมูคุณภาพระดับพรีเมี่ยมเพราะเป็นเนื้อหมูซุปเปอร์อนามัย ใช้ระบบการเลี้ยงแบบ S-Pure Process ที่พิถีพิถันและเข้มงวดในทุกขั้นตอน ทำให้หมูที่เลี้ยงปลอดโรค จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะสำหรับการรักษา มั่นใจได้ว่าเนื้อหมู S-Pure ปลอดภัยจากสารตกค้าง ไม่มีสารเร่งเนื้อแดง ไม่มีสารเร่งการเจริญเติบโต ไม่มีสารเคมียังยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา ทำให้หมูแข็งแรงและโตเร็ว มีเนื้อหมูที่นุ่ม รสชาติดีกว่าหมูทั่วไป รวมถึงในด้านการจัดส่งมีการควบคุมอุณหภูมิที่ 0-4 องศา อย่างเข้มงวด เพื่อเก็บรักษาคุณภาพเนื้อหมูให้ สด สะอาด และปลอดภัย 100% ที่สำคัญได้รับรองมาตรฐานจากหน่วยงานราชการที่เชื่อถือได้ ได้แก่ GMP, Q Mark, HACCP, ISO14000 Food safety และ กทม ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ในคุณภาพของอาหารที่ปรุงจากผลิตภัณฑ์ของ S-Pure
นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ บัวเขียว ผู้จัดการแผนกอาวุโสบริการวิชาการ ฝ่ายควบคุมคุณภาพและสุขภาพสัตว์แบรนด์ S-Pure กล่าวยืนยันว่า ในทางวิทยาศาสตร์จะไม่พบตัวเต็มวัยของพยาธิใดๆ ของสุกรที่อาศัยอยู่ในกล้ามเนื้อ และการวินิจฉัยว่าสิ่งแปลกปลอมดังกล่าวจะเป็นพยาธิหรือไม่ จะต้องส่งตัวอย่างที่สงสัยตรวจในห้องปฏิบัติการโดยใช้กล้องสเตอริโอสโคป หรือการตรวจทาง Histopath อย่างละเอียดจึงจะเป็นวิธีการตรวจสอบที่ถูกต้อง
สำหรับเนื้อหมู S-Pure เป็นเนื้อหมูคุณภาพที่มาจากสุกรขุนที่เลี้ยงในฟาร์มปิด ผ่านการรับรองมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสัตว์ หรือ GAP จากกรมปศุสัตว์ มีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ คือมีระบบการป้องกัน และควบคุมโรคในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่มีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับอย่างสากลว่าสามารถป้องกันไม่ให้เชื้อโรคจากภายนอกฟาร์มที่อาจติดมากับคน สัตว์ สิ่งของ และอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนยานพาหนะแพร่เข้าสู่ภายในฟาร์มได้ การออกแบบโครงสร้างและการจัดการของฟาร์มดังกล่าว มีระบบการจัดการฟาร์มเพื่อป้องกันปัญหาพยาธิในสุกรขุน ซึ่งทุกกระบวนการมีการควบคุม และตรวจสอบโดยสัตวแพทย์ นักวิชาการส่งเสริมการเลี้ยง และเจ้าหน้าที่ประกันคุณภาพที่มีความรู้ด้านสัตวศาสตร์ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และถูกต้องตามหลักวิชาการ
นายภวิชช์ อ่ำทิม ผู้จัดการทั่วไปแบรนด์ โอโตยะ กล่าวถึงมาตรฐานการให้บริการของโอโตยะ ว่า โอโตยะ ถือเป็นเจ้าตำรับอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด Japanese Mom’s Cooking ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทย และชาวญี่ปุ่น มากว่า 50 ปี โดยคอนเซ็ปต์เมนูของโอโตยะ จะเป็นอาหารที่ชาวญี่ปุ่นรับประทานกันที่บ้าน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็คือคุณแม่ชาวญี่ปุ่นเป็นผู้ทำอาหารให้ทุกคนในครอบครัวรับประทาน อาหารจึงเป็นอาหารที่ อร่อย คัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด และมีสารอาหารครบ 5 หมู่ เพื่อให้คนที่รักอิ่มท้อง และมีสุขภาพที่ดี โอโตยะก็ยึดแนวคิดเดียวกันนี้ทำอาหารบริการลูกค้าของเรา เมนูของเราจึงแตกต่างไม่เหมือนใคร
“ช่วงที่โอโตยะถูกพาดพิงในกระแสโซเชียลมีเดีย ส่งผลกระทบต่อยอดขายบ้าง แต่เชื่อว่าหลังจากที่เราได้ทำการชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านสื่อต่างๆ ไปแล้วจะทำให้ผู้บริโภคเข้าใจและมั่นใจในคุณภาพอาหาร และการบริการของร้านโอโตยะมากขึ้น รวมไปถึงสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เป็นเพียงผลกระทบในระยะสั้น เชื่อว่าในระยะกลาง และระยะยาว ทางภาครัฐจะมีมาตรการการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแน่นอน ด้วยพื้นฐานของประเทศไทยมีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว และในเร็วๆ นี้เราจะมีแคมเปญท้าพิสูจน์ความอร่อยแบบจัดเต็ม ให้ลูกค้าได้ลองในคุณภาพเนื้อหมู และเนื้อไก่ของ S-Pure ที่มีมาตรฐาน และคุณภาพอาหารด้วยครับ” นายภวิชช์ กล่าวเสริมในตอนท้าย