“กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ลบชื่อนิติบุคคลในกรุงเทพฯ กว่า 1 หมื่นรายออกจากสารบบ หลังตรวจสอบพบไม่ส่งงบการเงินติดต่อกัน 3 ปี เลิกกิจการแล้วแต่ไม่ยื่นชำระบัญชีให้ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้สิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล ไม่สามารถทำธุรกิจได้อีกต่อไป พร้อมนำชื่อขึ้นเว็บแจ้งเตือนประชาชนให้ระวัง ตรวจสอบให้ดีก่อนทำธุรกิจด้วย หวั่นถูกหลอกลวง
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ จะทำการถอนทะเบียนนิติบุคคลที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ จำนวน 10,615 ราย ออกจากฐานข้อมูลทะเบียนนิติบุคคลอย่างถาวร หลังจากตรวจสอบพบว่านิติบุคคลเหล่านี้ไม่ได้นำส่งงบการเงินเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน หรือบางรายได้เลิกกิจการแล้วแต่ไม่ยื่นชำระบัญชีให้แล้วเสร็จ ทำให้การยื่นจดทะเบียนเลิกยังไม่เสร็จสมบูรณ์ตามกฎหมาย และรายชื่อจึงยังค้างอยู่ในระบบซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
“หากยังขืนปล่อยให้บริษัทเหล่านี้มีชื่อค้างอยู่ในระบบก็อาจจะทำให้ประชาชน หรือผู้ร่วมค้า ผู้ร่วมลงทุน เกิดความเข้าใจผิด และก่อให้เกิดความเสียหายจากการเข้าไปติดต่อธุรกิจ หรือร่วมทำธุรกิจ หรืออาจจะถูกหลอกลวงได้ เพราะเป็นบริษัทที่ไม่มีตัวตน ไม่มีการทำธุรกิจจริง”
ทั้งนี้ กรมฯ จะมีการนำรายชื่อนิติบุคคลทั้ง 10,615 ราย ไปแจ้งไว้ในเว็บไซต์ของกรมฯ www.dbd.go.th และขอให้ประชาชน ผู้ประกอบธุรกิจ และผู้ลงทุน ที่มีความประสงค์จะติดต่อหรือทำธุรกิจกับนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นรายใดก็ตาม ควรตรวจสอบสถานภาพของนิติบุคคลนั้นๆ ก่อนว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจ และเป็นการป้องกันปัญหาการแอบอ้าง หลอกลวง หรือต้มตุ๋น โดยนอกเหนือจากการตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ ยังสามารถสอบถามผ่านสายด่วน 1570 และตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชั่น DBD e-Service ได้ด้วย
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า ตามกฎหมายในการประกอบธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด เมื่อจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว มีหน้าที่ต้องจัดทำงบการเงินประจำปียื่นต่อกรมฯ เพื่อแสดงฐานะทางการเงินและผลการดำเนินกิจการ
อย่างไรก็ตาม มีนิติบุคคลจำนวนไม่น้อยที่จดทะเบียนจัดตั้งและดำเนินกิจการแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเหตุให้ต้องเลิกกิจการ จึงไม่นำส่งงบการเงิน หรือบางรายไม่มีที่ตั้งสำนักงานตามที่ยื่นขอจดทะเบียน หรือบางรายจดทะเบียนเลิกกิจการ แต่ไม่ยื่นจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีตามกฎหมาย ส่งผลให้ชื่อของนิติบุคคลนั้นๆ ยังมีสภาพคงอยู่ในระบบฐานข้อมูลของกรมฯ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีการประกอบธุรกิจแล้ว