xs
xsm
sm
md
lg

DTC ผนึกพันธมิตรญี่ปุ่น พัฒนานวัตกรรม GPS TRACKING ขยายช่องทางธุรกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี.ที.ซี.เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
ดี.ที.ซี.เอ็นเตอร์ไพรส์ ผู้นำตลาด GPS TRACKING และ M2M Solution ของประเทศไทย ขายหุ้น 9% ให้พันธมิตรจากญี่ปุ่น เปิดทางร่วมทุนขยายโอกาสทางธุรกิจ หวังร่วมพัฒนานวัตกรรม GPS TRACKING ให้ทันสมัยเตรียมความพร้อมสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)

นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี.ที.ซี.เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้พัฒนาเทคโนโลยีและผู้นำตลาด GPS TRACKING และ M2M Solution เปิดเผยว่า ปัจจุบันทั่วโลกต่างนำเทคโนโลยีระบบการบริหารจัดการขนส่ง GPS TRACKING มาใช้ในการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยสามารถติดตามและควบคุมระบบขนส่งให้มีศักยภาพ และมีความปลอดภัยสูง ดี.ที.ซี.จึงมี Solution ต่างๆ เพื่อรองรับอัตราการเติบโตของตลาดที่เฉลี่ยเติบโตร้อยละ 30 ต่อปี และมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท* โดยปัจจุบัน ดี.ที.ซี.เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ GPS Tracking Service ที่ใหญ่ที่สุดใน South East

อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ บริษัทฯ จึงได้ลงนามสัญญาขายหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 9 ให้แก่พันธมิตร บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์ยี่ ซิสเท็มส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์รายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น โดยการร่วมมือดังกล่าวจะเป็นการนำความรู้ความชำนาญ ประสบการณ์การทำงาน และจุดแข็งของทั้งสองบริษัทมาร่วมกันพัฒนานวัตกรรมระบบ GPS TRACKING ให้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในธุรกิจขนส่งได้เป็นอย่างดี เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และเปิดช่องทางใหม่ทางธุรกิจสำหรับทั้งสองบริษัท โดยล่าสุดได้เริ่มโครงการผลิตอุปกรณ์ควบคุมและตรวจสอบพฤติกรรมการใช้งานยานพาหนะให้แก่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และกำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ การร่วมทุนดังกล่าวจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ทางธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจาะกลุ่มตลาดอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นที่ถือว่าเป็นกลุ่มตลาด GPS TRACKING ขนาดใหญ่ ทั้งนี้ คาดว่าจะช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตในธุรกิจของทางบริษัทฯ คิดเป็นร้อยละ 30 และสำหรับในปี 2558 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ร้อยละ 20 คิดเป็นรายได้ 1,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้แบ่งเป็นในประเทศร้อยละ 80 และต่างประเทศร้อยละ 20 ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ถือเป็นผู้นำธุรกิจ GPS TRACKING ติดตามรถของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในกว่า 10 ประเทศ เช่น จีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อินเดีย บังกลาเทศ เวียดนาม ลาว เคนยา มาเลเซีย ฮ่องกง ทำให้วันนี้บริษัทฯ ยังคงความเป็นเจ้าตลาด GPS Tracking ได้อย่างยั่งยืน

“จากสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในปัจจุบัน ไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจ GPS TRACKING แต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม ทิศทางอุตสาหกรรมของ GPS TRACKING จะได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วยลดต้นทุนด้านระบบขนส่ง และเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันได้อย่างมีศักยภาพ ขณะเดียวกัน เรายังคงมุ่งพัฒนานวัตกรรม GPS TRACKING อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเป็นผู้นำในด้าน machine-to-machine solution หรือ M2M Solution (เทคโนโลยีที่ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถส่งข้อมูลระหว่างกันเองได้) ของภูมิภาคนี้ต่อไป” นายทศพลกล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น