xs
xsm
sm
md
lg

“ไทวัสดุ”เสริมแกร่งหลังบ้าน แยกทำตลาด-ลุ้นโกย2หมื่นล.ปีนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ไทวัสดุ” มั่นใจครึ่งปีหลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว กำลังซื้อความเชื่อมั่นเริ่มมาก ส่งผลตลาดวัสดุก่อสร้างไปได้ดี มั่นใจสิ้นปีนี้ไทวัสดุโกย 2 หมื่นล้านบาท พร้อมแยกการทำตลาดแต่ละกลุ่มเป้าหมาย “เจ้าของบ้าน-ผู้รับเหมา” ไม่เร่งรีบขยายสาขาเพราะมีมากตามเป้าหมายแล้ว

นางสาวสอางทิพย์ อมรฉัตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ผู้บริหารร้านไทวัสดุ ศูนย์รวมของแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯเปิดร้านไทวัสดุ 2 สาขาคือที่แจ้งวัฒนะ ช่วงต้นปี และรังสิต เปิดเดือนนี้ เท่านั้น ส่งผลสิ้นปีนี้จะมีครบ 41 สาขา แบ่งเป็น ในกรุงเทพฯ 6 สาขา และต่างจังหวัด 35 สาขา หลังจากเปิดมา 5 ปี และจากนี้คงไม่เร่งขยายสาขามากนักเหมือนในอดีตแต่ก็ยังขยายต่อเนื่องเช่นกันหากได้ทำเลดี

เนื่องจากมีสาขาจำนวนมากเพียงพอตามเป้าหมายแล้ว จากนี้จะหันมาเน้นการปรับสาขาเก่า การพัฒนาระบบงาน การพัฒนาบุคลากรรองรับเช่น การปรับสาขาเดิมที่ผ่านมาบ้างแล้ว จำนวน 4 โซนในสโตร์ จากที่มี 5 โซนใหญ่ ทั้งการจัดวางเรียงสินค้า การทำดิสเพลย์ อื่นๆ ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 40% สินค้าที่ขายดีติดท็อปทรีคือ เหล็ก กระเบื้องปูพื้นและบุผนัง และอุปกรณ์ห้องน้ำห้องครัว รวมทั้งการเปิดบริการรับติดตั้งให้กับลูกค้าด้วย

ทั้งนี้ผลประกอบการครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 9,000 ล้านบาท เติบโต 12% แบ่งเป็น จากกลุ่มเจ้าของบ้าน สัดส่วน 6,000 ล้านบาท และจากผู้รับเหมา 3,000 ล้านบาท หรือแบ่งเป็น จากกรุงเทพฯ 2,000 ล้านบาท และต่างจังหวัด 7,000 ล้านบาท โดยมีสมาชิกบัตรไทการ์ด 1 ล้านราย แยกสัดส่วนเป็น เจ้าของบ้าน 68% และผู้รับเหมา 32% อย่างไรก็ตามคาดว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้สถานการณ์เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น กำลังซื้อและความมั่นใจของผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น จะทำให้ธุรกิจมียอดขายเติบโตดี คาดรายได้ทั้งปีประมาณ 20,000 ล้านบาท เติบโต 15%

ขณะที่ตลาดรวมวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างในไทยที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 5 แสนล้านบาท คาดว่าจะเติบโตประมาณ 5% เท่านั้น เนื่องจากการแข่งขันค่อนข้างสูง เพราะมีผู้ประกอบการเกิดขึ้นมาจำนวนมาก แต่ก็เป็นสิ่งที่ดีที่ช่วยทำให้ตลาดรวมในส่วนของโมเดิร์นเทรดมีการเติบโต โดยไทวัสดุยังคงเป็นเจ้าตลาดอยู่ด้วยจำนวนสาขาที่มากกว่าและรายได้ที่สูงกว่า ส่วนอันดับที่สองมีสาขารวมประมาณ 35 สาขา

นอกจากนั้นในแง่การตลาดก็มีการแยกทำโปรโมชั่นคือ การแยกทำตลาดตามกลุ่มเป้าหเมายคือ กลุ่มเจ้าของบ้าน กับกลุ่มผู้รับเหมา เพื่อให้ตรงกับความต้องการของทั้งตัวโปรดชั่นและสินค้าที่จำหน่าย ซึ่งล่าสุดใช้งบประมาณ 30 ล้านบาท ฉลองครบรอบ 5 ปี จัดแคมเปญ “ช้อปแฮปปี้ 5คุ้ม” วันนี้ถึงวันที่ 31 สิงหาคมศกนี้ โดยเป็นครั้งแรกที่แยกโปรโมชั่นและสินค้าออกจากกัน ซึ่งคาดว่าแคมเปญนี้จะทำรายได้ประมาณ 1,700 ล้านบาท โดยทั้งปีมีงบการตลาด 300 ล้านบาท

ขณะเดียวกันในส่วนของสินค้าไพรเวทเลเบลของเราเองเช่น แบรนด์คิงคอง เป็นเครื่องมือช่าง แบรนด์KASSA เป็นสุขภัณฑ์ แบรนด์ลูซีน่าเป็นกลุ่มหลอดไฟ ก็จะบุกตลาดมากขึ้น มีการเพิ่มเอสเคยู ในทุกกลุ่ม แต่คงยังไม่มีการเพิ่มแบรนด์ใหม่ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากแบรนด์ของเราเองที่ผลิตจากจีน มีประมาณ 20% คาดว่าจะเพิ่มเป็น 30% ในสิ้นปีนี้

สำหรับผลประกอบการย้อนหลังคือ ปี 2553 รายได้ 500 ล้านบาท มี 1 สาขา, ปี 2554 รายได้ 2,500 ล้านบาท มี 10 สาขา, ปี 2555 รายได้ 7,500 ล้านบาท มี 23 สาขา, ปี2556 รายได้ 12,200 ล้านบาท มี 35 สาขา , ปี 2557 รายได้ 16,000 ล้านบาท มี 39 สาขา และปี 2558 คาดรายได้ 20,000 ล้านบาท มี 41 สาขา

iframe src="//www.facebook.com/plugins/likebox.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fmarketingnews.astv&width=292&height=290&show_faces=true&colorscheme=light&stream=false&border_color&header=true" scrolling="no" frameborder="0" style="border:none; overflow:hidden; width:292px; height:290px;" allowTransparency="true">

กำลังโหลดความคิดเห็น