เอกชน 2 กลุ่มบริษัทค้าร่วม ได้แก่ กลุ่มเพาเวอร์ไชน่าและอิตาเลียน-ไทย กับกลุ่ม ALSTOM และมารูเบนี เข้ายื่นประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ “อิตาเลียนไทย” มั่นใจ แต่จะได้ก่อสร้างจริงหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลและประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 ส.ค.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เปิดให้เอกชนที่สนใจยื่นซองประกวดเทคนิคและราคาการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ โดยเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 08.00-10.00 น. โดยปรากฏว่ามีผู้สนใจเข้ามายื่นซองทั้งหมด 2 รายจากผู้ที่ซื้อซองไปทั้งสิ้น 12 ราย
สำหรับผู้ที่ยื่นซองประกวดฯ 2 ราย ได้แก่ 1. กลุ่มบริษัทร่วมค้าร่วมระหว่าง เพาเวอร์ไชน่ากับอิตาเลียน-ไทย 2. กลุ่มบริษัทค้าร่วม อาล์สตอม และมารูเบนี (ALSTOM Thailand-Marubeni Corporation) อย่างไรก็ตาม กลุ่มซีเมนส์ และมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่นซึ่งได้แจ้งเจตจำนงว่าจะมาลงทะเบียนเพื่อประมูลแต่ที่สุดไม่ได้ยื่นและพบตัวแทนมิตซูบิชิมาสังเกตุการณ์เท่านั้น
นายรัตนชัย นามวงศ์ รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้า กฟผ. กล่าวว่า มี 2 กลุ่มบริษัทที่มายื่นประมูลการก่อสร้าง ซึ่งหลังจากนี้ก็จะไปพิจารณาเอกสารต่างๆ ว่าถูกต้องหรือไม่และพิจารณาเรื่องเทคนิคซึ่งจะใช้เวลา 3 เดือน หลังจากนั้นจะดูเรื่องราคารวมจะใช้เวลาไม่เกิน 4 เดือน
นายอัครพงศ์ วสุวรรณธก รองประธานกรรมการหน่วยโรงงานอุตสาหกรรม 2 บริษัทอิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ใช้เทคโนโลยีที่เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก การมายื่นครั้งนี้ก็มั่นใจว่าจะชนะการประมูลก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีปัญหาการคัดค้านการที่จะได้ก่อสร้างจริงหรือไม่ก็อยู่ที่ภาครัฐและประชาชนจะตัดสินใจในการมองความจำเป็นของประเทศ
“ประชาชนน่าจะตัดสินใจมากกว่า เราใช้เทคโนโลยีที่กำจัดมลพิษที่ดีมั่นใจว่าทำได้ อุปกรณ์หลักๆ ก็ใช้กันทั่วโลกและการผลิตเทคโนโลยีที่สูงก็มีไม่กี่ราย ผมเองก็เห็นด้วยกับรัฐบาลในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เราเข้าประมูลก็เสนอตามหน้าที่การตัดสินใจเทคนิคก็อยู่ที่ กฟผ.” นายอัครพงศ์กล่าว