xs
xsm
sm
md
lg

ประกาศ กกร.ซื้อปาล์ม 17% กิโลละ 4.20 บาทบังคับใช้แล้ว เกษตรกร-ลานเท-โรงสกัดหนุนยกระดับอุตฯ ปาล์มทั้งระบบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” เผยประกาศ กกร.กำหนดให้ลานเท โรงสกัด รับซื้อผลปาล์มที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% ราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4.20 บาท มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ยันเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่อุตสาหกรรมปาล์มทั้งระบบ ด้านเกษตรกร ลานเท โรงสกัด ยกมือหนุน

นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่กำหนดให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ลานเท รับซื้อผลปาล์มทะลายและผลปาล์มร่วงในราคาเดียวกันที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% เป็นอย่างต่ำที่ 4.20 บาท/กิโลกรัม (กก.) ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยยกระดับราคาผลปาล์มของเกษตรกร และสร้างความยั่งยืนให้แก่อุตสาหกรรมปาล์มทั้งระบบในระยะยาว

“การกำหนดให้รับซื้อผลปาล์มที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% เกษตรกรต้องตัดเฉพาะผลปาล์มสุก และเมื่อตัดสุกยังไงเปอร์เซ็นต์น้ำมันก็ถึง 17% หรือมากกว่าอยู่แล้ว ทำให้ขายได้ราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 4.20 บาท หรือมากกว่า ซึ่งจะเป็นการวางระบบและสร้างความเข้มแข็งให้แก่อุตสาหกรรมปาล์มของไทยในระยะยาวที่จะมีคุณภาพและมาตรฐานดีขึ้น ทั้งการปลูก การผลิต”

นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้ผลปาล์มมีราคาสูงขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมามีการขายผลปาล์มโดยแยกลูกร่วงออก ซึ่งขายได้ราคาสูง แต่ผลปาล์มทะลายที่เหลืออยู่มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันต่ำจึงขายได้ราคาต่ำ แต่การกำหนดเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ 17% จะทำให้เกษตรกรต้องตัดเฉพาะปาล์มสุกเท่านั้นจึงจะได้เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% และขายได้ราคาดี

นายถาวร จันทร์ช่วย ประธานสหกรณ์ทับปริกการเกษตรสหกิจ จำกัด ในฐานะลานเท กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการรับซื้อผลปาล์มของกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากวิธีการขายปาล์มน้ำมันที่ดีผู้รับซื้อท้องถิ่น (ลานเทปาล์ม) เมื่อรับซื้อปาล์มในแต่ละวันจะต้องนำส่งโรงงานสกัดภายใน 24 ชั่วโมง แต่ที่ผ่านมามีหลายแห่งจะนำไปบ่ม รดน้ำ เพื่อแยกลูกร่วง ทำให้ปาล์มทะลายที่ส่งเข้าโรงงานสกัดไม่มีคุณภาพ เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ได้ต่ำ ส่งผลให้ราคาต่ำ เกษตรกรก็เดือดร้อนไปด้วย ซึ่งมาตรการที่ออกมานี้โรงงานสกัดก็เห็นด้วย เพราะทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพไปสกัดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ

นายมานิตย์ บัวเกิด เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ประกาศ กกร.ดังกล่าวจะทำให้เกษตรกรตัดปาล์มที่ได้คุณภาพมากขึ้น ไม่มีการตัดปาล์มดิบหรือปาล์มอ่อน แต่จะตัดเฉพาะปาล์มสุก ซึ่งทำให้ขายได้ราคาสูงขึ้น และช่วยแก้ปัญหาไม่ต้องมีเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ 15% หรือ 16% อีกต่อไป เพราะพันธุ์ปาล์มที่ปลูกอยู่ในขณะนี้ทุกสายพันธุ์มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันเกินกว่า 17% ทั้งนั้น อยู่ที่ว่าจะตัดสุกหรือไม่

นายโสฬส เดชศรี เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การรับซื้อปาล์มร่วงและปาล์มทะลายในราคาเท่ากันจะช่วยสกัดการทำให้ปาล์มคุณภาพลดลงโดยการนำไปฉีดน้ำ และจากนโยบายของรัฐบาลดังกล่าวไม่กระทบต่อเกษตรกรผู้ผลิตเพราะสามารถปรับช่วงเวลาในการเก็บเกี่ยวได้ พันธุ์ปาล์มที่ขายในประเทศไทยส่วนใหญ่ก็ให้น้ำมันเกิน 20% อยู่แล้ว และเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรรักษาคุณภาพเพื่อให้ขายได้ในราคาที่สูงขึ้น

นายชัยฤทธิ์ ถ่ายย้วน นายกสมาคมชาวสวนปาล์ม จ.ตรัง กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการของกระทรวงพาณิชย์เพราะเป็นราคาที่เกษตรกรส่วนมากพอใจ แต่ต้องมีความชัดเจนในการรับซื้อที่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 17% มีหลักเกณฑ์การวัดคุณภาพที่ชัดเจน มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ เพราะขณะนี้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรอยู่ที่ 3.60 บาท/กก. ขายได้ที่ 4.20 บาท/กก. ก็มีกำไร โดยจะเร่งรณรงค์ให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันและตัดปาล์มที่สุก มีคุณภาพมาขาย เพื่อจะได้ราคาที่ดีขึ้นต่อไป

นายสมพร ศรีเพชร นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลแก้ปัญหาถูกทางแล้ว และขอให้เดินหน้าแก้ปัญหาต่อไปเพื่อยกระดับให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มได้รับผลประโยชน์มากที่สุด ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผลปาล์มมีปริมาณน้ำมันที่ไม่ได้คุณภาพเหมือนกับในที่อื่นๆ จะหารือกับสมาชิกสมาคมฯ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง แต่ยืนยันว่าวันนี้รัฐบาลแก้ปัญหามาถูกทางแล้ว

ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนจากนายจรัล ศรีฟ้า ผู้จัดการกลุ่มผู้ผลิตปาล์มน้ำมันอำเภอสิชล นายวิรัตน์ ด่านวิริยะกุล ประธานกลุ่มผู้ผลิตปาล์มน้ำมันอำเภอสิชล และนายวราทิตย์ รักทอง ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรหัวไทร จำกัด เพราะเห็นว่าเป็นการพัฒนาสินค้าปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน


กำลังโหลดความคิดเห็น