กระบี่ - โรงไฟฟ้ากระบี่ ใช้งบ 50 ล้านบาท สร้างถังเก็บน้ำมันปาล์มขนาด 1.5 ล้านลิตร รองรับน้ำมันปาล์มใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมในการผลิตกระแสไฟฟ้าตามนโยบายรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในจังหวัดกระบี่
นายวิวัฒน์ สิริเกียรติกุล ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าภาคใต้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์โรงไฟฟ้ากระบี่ ให้สามารถใช้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เป็นเชื้อเพลิงร่วมในการผลิตไฟฟ้า เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มในช่วงราคาปาล์มตกต่ำ ตามนโยบายรัฐบาล โดยปัจจุบัน ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพสามารถใช้น้ำมันปาล์มในอัตรา 18 ตัน/ชั่วโมง มีการก่อสร้างถังเก็บน้ำมันปาล์มขนาด 1.5 ล้านลิตรไว้รองรับน้ำมันปาล์มในพื้นที่จังหวัดกระบี่โดยตรง
ขณะนี้การติดตั้งอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าประมาณสัปดาห์หน้าโรงไฟฟ้ากระบี่จะรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 730 ตัน เพื่อนำไปทดสอบอุปกรณ์ที่ติดตั้งผลิตกระแสไฟฟ้า และหากราคาต่ำกว่า 26.20 บาท จะรับซื้อต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งสามารถช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงราคาปาล์มตกต่ำได้ระดับหนึ่ง สำหรับน้ำมันปาล์มที่โรงไฟฟ้ากระบี่ใช้เป็นผลผลิตที่ได้มาจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มในจังหวัดกระบี่โดยตรง ผ่านทางสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีสมาชิกทั้งในส่วนของสหกรณ์ และบริษัทต่างๆ เป็นผู้จัดส่งน้ำมันปาล์มให้โรงไฟฟ้ากระบี่
“การใช้น้ำมันปาล์มดิบเผาร่วมกับน้ำมันเตา จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เนื่องจากน้ำมันปาล์มจะมีปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ประมาณ 0.01% แต่ข้อเสียของการนำน้ำมันปาล์มมาผลิตไฟฟ้า คือ ราคาจะสูงกว่าน้ำมันเตา และค่าความร้อนต่ำกว่าจึงต้องใช้ปริมาณน้ำมันที่มากกว่าด้วย การเผาไหม้น้ำมันปาล์มดิบจะไม่เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน แต่จะเกิดก๊าซมีเทน และก๊าซไนตรัสออกไซด์ ซึ่งจะมีการแผ่รังสีความร้อนน้อยกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์”
นายวิวัฒน์ กล่าวอีกว่า การที่โรงไฟฟ้ากระบี่สามารถใช้น้ำมันปาล์มดิบมาเผาร่วมกับน้ำมันเตาในการผลิตไฟฟ้า ทำให้สามารถพยุงราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันในจังหวัดกระบี่ได้ ซึ่งสวนปาล์มจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มของกระทรวงพาณิชย์ หากสามารถบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในจังหวัดกระบี่ได้เป็นอย่างดี
นายวิวัฒน์ สิริเกียรติกุล ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าภาคใต้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์โรงไฟฟ้ากระบี่ ให้สามารถใช้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เป็นเชื้อเพลิงร่วมในการผลิตไฟฟ้า เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มในช่วงราคาปาล์มตกต่ำ ตามนโยบายรัฐบาล โดยปัจจุบัน ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพสามารถใช้น้ำมันปาล์มในอัตรา 18 ตัน/ชั่วโมง มีการก่อสร้างถังเก็บน้ำมันปาล์มขนาด 1.5 ล้านลิตรไว้รองรับน้ำมันปาล์มในพื้นที่จังหวัดกระบี่โดยตรง
ขณะนี้การติดตั้งอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าประมาณสัปดาห์หน้าโรงไฟฟ้ากระบี่จะรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 730 ตัน เพื่อนำไปทดสอบอุปกรณ์ที่ติดตั้งผลิตกระแสไฟฟ้า และหากราคาต่ำกว่า 26.20 บาท จะรับซื้อต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งสามารถช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงราคาปาล์มตกต่ำได้ระดับหนึ่ง สำหรับน้ำมันปาล์มที่โรงไฟฟ้ากระบี่ใช้เป็นผลผลิตที่ได้มาจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มในจังหวัดกระบี่โดยตรง ผ่านทางสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีสมาชิกทั้งในส่วนของสหกรณ์ และบริษัทต่างๆ เป็นผู้จัดส่งน้ำมันปาล์มให้โรงไฟฟ้ากระบี่
“การใช้น้ำมันปาล์มดิบเผาร่วมกับน้ำมันเตา จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เนื่องจากน้ำมันปาล์มจะมีปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์ประมาณ 0.01% แต่ข้อเสียของการนำน้ำมันปาล์มมาผลิตไฟฟ้า คือ ราคาจะสูงกว่าน้ำมันเตา และค่าความร้อนต่ำกว่าจึงต้องใช้ปริมาณน้ำมันที่มากกว่าด้วย การเผาไหม้น้ำมันปาล์มดิบจะไม่เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน แต่จะเกิดก๊าซมีเทน และก๊าซไนตรัสออกไซด์ ซึ่งจะมีการแผ่รังสีความร้อนน้อยกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์”
นายวิวัฒน์ กล่าวอีกว่า การที่โรงไฟฟ้ากระบี่สามารถใช้น้ำมันปาล์มดิบมาเผาร่วมกับน้ำมันเตาในการผลิตไฟฟ้า ทำให้สามารถพยุงราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันในจังหวัดกระบี่ได้ ซึ่งสวนปาล์มจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการปาล์มน้ำมัน และน้ำมันปาล์มของกระทรวงพาณิชย์ หากสามารถบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันในจังหวัดกระบี่ได้เป็นอย่างดี
