กระทรวงอุตสาหกรรมหนุนตั้งโรงถลุงเหล็กที่ไทยสร้างฐานการผลิตอุตสาหกรรมให้เข้มแข็งระยะยาว เสนอนายกฯ ในเวทีประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงเพื่อให้ทุกส่วนร่วมผลักดัน
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตฯ ได้เสนอแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กครบวงจรไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปแล้ว 4-5 เดือน เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบกรอบการพัฒนาซึ่งมีความจำเป็นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศ
“เรานำเข้าเหล็กปีละ 18 ล้านตัน หากเรามีโรงถลุงเหล็กได้ก็จะลดการนำเข้าและยังจะทำให้อุตฯ ต่อเนื่องอื่นๆ ทั้งยานยนต์ ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นฐานการผลิตที่สำคัญต่อไป และก่อให้เกิดความมั่นคง โดยสิ่งที่เสนอ ครม.จะเป็นกรอบดำเนินงาน ส่วนมีคนค้านเพราะมีโรงไฟฟ้าถ่านหินก็ต้องไปว่ากัน ส่วนพื้นที่กำหนดแล้วก็มีที่เดียวที่รู้กันอยู่” นายจักรมณฑ์กล่าว
นางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวหลังการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าครั้งที่ 4/2558 ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นเจ้าภาพโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ขอรับการสนับสนุนเพื่อให้เกิดการผลักดันในระดับชาติ 3 เรื่อง ได้แก่ 1. กำหนดให้ปี 2559 เป็นปีแห่งการเพิ่มผลิตภาพของประเทศโดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ 2. การสนับสนุนการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ และ 3. ขอให้สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็กครบวงจร
“พลาสติกชีวภาพจะเป็นการต่อยอดผลผลิตทางการเกษตรที่จะนำมาแปรรูปเป็นพลาสติก ก็จะเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานก็จะต้องมีสิ่งจูงใจ รวมถึงการใช้ในระยะแรกก็คงจะต้องมองการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ ส่วนโรงถลุงเหล็กก็จะต้องทำให้ครบวงจรเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในอนาคต” นางอรรชกากล่าว
นายทรงวุฒิ ไกรภัสสร์พงษ์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า พื้นที่ที่มีศักยภาพที่เหมาะจะเป็นโรงถลุงเหล็กที่เอกชนทำการศึกษา ได้แก่ จ.กาญจนบุรี พื้นที่ อ.บางสะพาน และ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพื้นที่ อ.ประทิว จ.ชุมพร อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีแนวโน้มเสนอให้เข้าไปใช้พื้นที่ทหาร จ.กาญจนบุรี เนื่องจากมีพื้นที่มาก อยู่ห่างไกลชุมชนทำให้ไม่มีการต่อต้าน หากรัฐบาลสนับสนุนให้ก่อสร้างโรงถลุงเหล็กที่กาญจนบุรีก็สามารถต่อยอดสร้างท่าเรือที่ จ.เพชรบุรีขึ้นมารองรับได้