xs
xsm
sm
md
lg

“ประจิน” สั่ง ขสมก.เดินหน้าเซ็นซื้อรถ NGV 489 คัน ยันโปร่งใส เมินบริษัทจีนร้อง “นายกฯ” ขายราคาถูกกว่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บริษัท CHMC ของจีนยื่น “นายกฯ” ขอความเป็นธรรมพิจารณาข้อเสนอขายรถเมล์ NGV 3,183 คันแบบจีทูจี ยันราคาถูกกว่าประมูล ด้าน “ประจิน” ชี้ ขสมก.ประมูลตามมติ ครม.ไม่ได้ใช้วิธีจีทูจี บริษัทฯ ควรยื่นประมูลแข่งขัน พร้อมสั่ง ขสมก.เดินหน้าเซ็นสัญญา “ช.ทวี ดอลลาเซียน” เมินผู้สังเกตการณ์ติง มั่นใจประมูลถูกต้องตามระเบียบ

วันนี้ (20 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) นายวินัย แซ่หุ่น ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท CHINA NATIONAL HEAVY MACHINERY CORPORATION จำกัด (CHMC) ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อร้องขอความเป็นธรรมการเสนอขายรถเมล์ NGV จำนวน 3,183 คัน โดยฝ่ายประสานมวลชน สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับมอบ โดยระบุว่าเสนอขายรถในราคาต่ำกว่าที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดประกวดราคา และได้เสนอแผนขายรถเมล์ NGV จำนวน 4,000 คันรูปแบบจีทูจีต่อรัฐบาลไทยตั้งแต่สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยได้เข้าพบพร้อมทูตพาณิชย์จีนประจำประเทศไทย และต่อมาได้ยื่นหนังสือต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, ปลัดกระทรวงคมนาคม และประธานบอร์ด องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แต่ไม่ได้รับการแจ้งถึงผลการพิจารณาโครงการแต่อย่างใด

ด้าน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขสมก.ได้เดินหน้าประมูลจัดซื้อรถเมล์ NGV เป็นไปตามมติ ครม.เดิมไม่ได้ใช้วิธีการจัดหาแบบจีทูจี ตามข้อเสนอของบริษัท หากจะทำจีทูจีต้องไปยกเลิกมติ ครม. และรูปแบบจีทูจีเป็นเรื่องรัฐบาลต่อรัฐบาล เมื่อรัฐบาลไทยไม่รับข้อเสนอถือว่าจบจะมาร้องเรียนอะไรอีก และที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถยื่นประมูลได้ไม่ได้ปิดกั้นแต่อย่างใด

โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา นางปราณี ศุกระศร กรรมการและรักษาการ ผอ.ขสมก. ได้รายงานผลการตรวจสอบโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ล็อตแรก จำนวน 489 คัน ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. ที่มี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน แต่งตั้งขึ้น สรุปว่า การประมูลดำเนินการถูกต้องตามกระบวนการ ส่วนกรณีที่มีผู้สังเกตการณ์ระบุว่า เอกสารการยื่นข้อเสนอไม่ถูกต้อง ได้ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง รวมถึงข้อท้วงติงต่างๆ ที่ผ่านมาได้ปรับแก้มาหมดแล้ว ถือว่าถูกต้องตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างและข้อตกลงสัญญาคุณธรรม ซึ่งบอร์ดได้ให้เวลาคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง 7 วัน ขณะนี้เลยเวลาแล้ว ดังนั้นได้แจ้งไปที่ประธานบอร์ด ขสมก.ให้ดำเนินการสรุปผลและเดินหน้าตามขั้นตอนได้ ซึ่งกลุ่มบริษัทร่วมค้า JVCC ที่มีบริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำ เป็นผู้ชนะการประมูล

ทั้งนี้ กรณีที่บริษัท เบสทรินกรุ๊ป จำกัด ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองไว้นั้น พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์ฟ้องร้อง แต่ถ้าศาลไม่มีคำสั่งระงับใดๆ หรือไม่ได้คุ้มครอง ขสมก.จะต้องเดินหน้าต่อไป

ส่วนการจัดหารถเมล์ไฟฟ้านั้น ขณะนี้ข้อมูลที่จะนำมาเปรียบเทียบ รวมถึงการทดสอบวิ่งใน กทม.เพียงพอแล้ว โดยคณะทำงานจะสรุปผลว่าจำนวนรถเมล์ที่เหลืออีก 2,694 คัน จะเป็นรถ NGV เท่าไร เป็นรถเมล์ไฟฟ้าเท่าไร จึงจะเหมาะสมและคุ้มค่ากับการลงทุนในเรื่องอู่และสถานีเติมก๊าซและชาร์จไฟฟ้า

สำหรับข้อเสนอของบริษัท CHMC ในครั้งนี้ ได้เสนอขายรถเมล์ NGV จำนวน 3,183 คันรูปแบบจีทูจี พร้อมแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินและแผนฟื้นฟู ขสมก. ในราคาคันละ 2.608 ล้านบาท รวม 3,183 คัน เป็นเงิน 8,302 ล้านบาท บวกค่าซ่อมบำรุง 10 ปี 8,302 ล้านบาท (ซ่อมตามระยะทาง รับผิดชอบรวมผ้าเบรก ยาง แบตเตอรี่ ขสมก.จ่ายค่าก๊าซ NGV เท่านั้น) รวมดอกเบี้ย 5% อีก 15,094 ล้านบาท คิดเป็นวงเงินรวมในการจัดซื้อพร้อมซ่อมบำรุง 10 ปี ที่ 31,698 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อคันที่ 9.95 ล้านบาท โดยจ่ายเงินดาวน์ 15% ในครั้งแรก ช่วง 5 ปีแรกปลอดการชำระ ส่วนที่เหลือ 85% ผ่อนชำระในปีที่ 6-10 ซึ่งใน 5 ปีหลังนี้จะได้รับการเปลี่ยนรถใหม่ให้ทั้งหมด 3,183 คัน เท่ากับได้รถทั้งสิ้น 6,366 คัน

ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการประมูลซื้อรถเมล์ NGV ของ ขสมก.ล็อตแรก จำนวน 489 คัน เฉลี่ยที่คันละ 3.55 ล้านบาท หากคิดที่ 3,183 คัน เป็นเงิน 3,550 ล้านบาท บวกค่าซ่อมบำรุง 10 ปี 14,882 ล้านบาท (ไม่รวมค่าวัสดุสิ้นเปลือง) ดอกเบี้ย 5% 13,091 ล้านบาท คิดเป็นวงเงินจัดซื้อพร้อมซ่อมบำรุง 10 ปีรวม 39,273 ล้านบาท หรือเฉลี่ยคันละ 12.33 ล้านบาท ได้รถที่ 3,183 คันเท่านั้น

“ทางบริษัทฯ มาขอความเป็นธรรมกรณีไม่พิจารณาข้อเสนอของเรา ส่วนที่ ขสมก.ประมูลเป็นราคาที่แพง ซึ่งรัฐบาลจีนถือหุ้น 100% ในบริษัทซึ่งมีการผลิตรถบัสปีละกว่าหมื่นคัน และมีการส่งออกทั้งยุโรป อเมริกา แอฟริกา หลายพันคัน เป็นการรับประกันถึงมาตรฐานรถอยู่แล้ว ซึ่งหากได้รับการพิจารณาจากไทยจะมีการเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนที่ดีอีกด้วย” นายวินัยกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น