ASTVผู้จัดการรายวัน-บริษัท CHMCของจีน ยื่น “นายกฯ”ขอความเป็นธรรม พิจารณาข้อเสนอ ขายรถเมล์ NGV 3,183 คัน แบบ จีทูจี ยันราคาถูกกว่าประมูล ด้าน”ประจิน” ชี้ขสมก.ประมูลตามมติครม.ไม่ได้ใช้วิธีจีทูจี บริษัทฯควรยื่นประมูลแข่งขัน พร้อมสั่งขสมก.เดินหน้าเซ็นสัญญา “ช.ทวี ดอลลาเซียน” เมินผู้สังเกตการณ์ติง มั่นใจประมูลถูกต้องตามระเบียบ
วานนี้ (20 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) นายวินัย แซ่หุ่น ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท CHINA NATIONAL HEAVY MACHINERY CORPORATION จำกัด (CHMC) ได้ยื่นหนังสือ ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อร้องขอความเป็นธรรม การเสนอขายรถเมล์ NGV จำนวน 3,183 คัน โดยฝ่ายประสานมวลชน สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับมอบ โดยระบุว่า เสนอขายรถในราคาต่ำกว่าที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดประกวดราคา และ ได้เสนอแผนขายรถเมล์ NGV จำนวน 4,000 คันรูปแบบ จีทูจี ต่อรัฐบาลไทยตั้งแต่สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยได้เข้าพบพร้อมทูตพาณิชย์จีนประจำประเทศไทย และต่อมาได้ยื่นหนังสือต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม,ปลัดกระทรวงคมนาคมและประธานบอร์ด องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แต่ไม่ได้รับการแจ้งถึงผลการพิจารณาโครงการแต่อย่างไร
ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขสมก.ได้เดินหน้าประมูลจัดซื้อรถเมล์ NGV เป็นไปตามมติครม.เดิมไม่ได้ใช้วิธีการจัดหาแบบ จีทูจี ตามข้อเสนอของบริษัท หากจะทำจีทูจีต้องไปยกเลิกมติ ครม. และรูปแบบ จีทูจี เป็นเรื่องรัฐบาลต่อรัฐบาล เมื่อรัฐบาลไทยไม่รับข้อเสนอถือว่าจบจะมาร้องเรียนอะไรอีกและที่ผ่านมา บริษัท ฯสามารถยื่นประมูลได้ไม่ได้ปิดกั้นแต่อย่างใด
โดย เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา นางปราณี ศุกระศร กรรมการและรักษาการผอ. ขสมก. ได้รายงานผลการตรวจสอบโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ล็อตแรก จำนวน 489 คัน ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. ที่มีพล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน แต่ตั้งขึ้น สรุปว่า การประมูลดำเนินการถูกต้องตามกระบวนการ ส่วนกรณีที่มีผู้สังเกตการณ์ ระบุว่า มีเอกสารการยื่นข้อเสนอไม่ถูกต้อง ได้ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง รวมถึงข้อท้วงติงต่างๆ ที่ผ่านมาได้ปรับแก้มาหมดแล้ว ถือว่าถูกต้องตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างและ ข้อตกลงสัญญาคุณธรรมซึ่งบอร์ดได้ให้เวลาคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง 7 วัน ขณะนี้เลยเวลาแล้วดังนั้น ได้แจ้งไปที่ประธานบอร์ด ขสมก.ให้ดำเนินการสรุปผลและเดินหน้าตามขั้นตอนได้ ซึ่งกลุ่มบริษัทร่วมค้า JVCC ที่มีบริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด (มหาชน)เป็นแกนนำ เป็นผู้ชนะการประมูล
ทั้งนี้ กรณีที่บริษัท เบสทรินกรุ๊ป จำกัด ได้ยื่นฟ้องศาลปกครอง ไว้นั้น พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์ฟ้องร้อง แต่ถ้าศาลไม่มีคำสั่งระงับใดๆ หรือไม่ได้คุ้มครอง ขสมก.จะต้องเดินหน้าต่อไป
ส่วนการจัดหารถเมล์ไฟฟ้า นั้น ขณะนี้ข้อมูลที่จะนำมาเปรียบเทียบ รวมถึงการทดสอบวิ่งในกทม. เพียงพอแล้ว โดยคณะทำงานจะสรุปผลว่า จำนวนรถเมล์ที่เหลือ อีก จำนวน 2,694 คัน จะเป็นรถ NGVเท่าไร เป็นรถเมล์ไฟฟ้าเท่าไร จึงจะเหมาะสมและคุ้มค่ากับการลงทุนในเรื่องอู่และสถานีเติมก๊าซและชาร์จไฟฟ้า สำหรับ
สำหรับ ข้อเสนอของ บริษัท CHMC ในครั้งนี้ ได้เสนอขายรถเมล์ NGV จำนวน 3,183 คัน รูปแบบ จีทูจี พร้อมแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินและแผนฟื้นฟู ขสมก. ในราคาคันละ 2.608 ล้านบาท รวม 3,183 คัน เป็นเงิน 8,302 ล้านบาท บวกค่าซ่อมบำรุง 10 ปี 8,302 ล้านบาท (ซ่อมตามระยะทาง รับผิดชอบรวมผ้าเบรก ยาง แบตเตอรี่ ขสมก.จ่าย ค่าก๊าซ NGV เท่านั้น) รวมดอกเบี้ย 5% อีก 15,094 ล้านบาท คิดเป็นวงเงินรวมในการจัดซื้อพร้อมซ่อมบำรุง 10 ปี ที่ 31,698 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อคันที่ 9.95 ล้านบาท โดยจ่ายเงินดาวน์ 15% ในครั้งแรก ช่วง 5 ปีแรก ปลอดการชำระ ส่วนที่เหลือ 85 % ผ่อนชำระในปีที่6-10 ซึ่งใน 5 ปีหลังนี้ จะได้รับการเปลี่ยนรถใหม่ให้ทั้งหมด 3,183 คัน เท่ากับ ได้รถทั้งสิ้น 6,366 คัน
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการประมูลซื้อรถเมล์ NGV ของขสมก.ล็อตแรก จำนวน 489 คัน เฉลี่ยที่คันละ 3.55 ล้านบาท หากคิดที่ 3,183 คัน เป็นเงิน 3,550 ล้านบาท บวกค่าซ่อมบำรุง 10 ปี 14,882 ล้านบาท (ไม่รวมค่าวัสดุสิ้นเปลือง) ดอกเบี้ย 5% 13,091 ล้านบาท คิดเป็นวงเงินจัดซื้อพร้อมซ่อมบำรุง 10 ปีรวม 39,273 ล้านบาท หรือเฉลี่ยคันละ 12.33 ล้านบาท ได้รถที่ 3,183 คันเท่านั้น
“ทางบริษัทฯมาขอความเป็นธรรม กรณีไม่พิจารณาข้อเสนอของเรา ส่วนที่ ขสมก.ประมูลเป็นราคาที่แพง ซึ่งรัฐบาลจีนถือหุ้น 100% ในบริษัทซึ่งมีการผลิตรถบัสปีละกว่าหมื่นคัน และมีการส่งออกทั้งยุโรป อเมริกา อัฟริกา หลายพันคัน เป็นการรับประกันถึงมาตรฐานรถอยู่แล้ว ซึ่งหากได้รับการพิจารณาจากไทย จะมีการเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนที่ดีอีกด้วย”นายวินัยกล่าว
วานนี้ (20 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (กพ.) นายวินัย แซ่หุ่น ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท CHINA NATIONAL HEAVY MACHINERY CORPORATION จำกัด (CHMC) ได้ยื่นหนังสือ ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อร้องขอความเป็นธรรม การเสนอขายรถเมล์ NGV จำนวน 3,183 คัน โดยฝ่ายประสานมวลชน สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับมอบ โดยระบุว่า เสนอขายรถในราคาต่ำกว่าที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดประกวดราคา และ ได้เสนอแผนขายรถเมล์ NGV จำนวน 4,000 คันรูปแบบ จีทูจี ต่อรัฐบาลไทยตั้งแต่สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยได้เข้าพบพร้อมทูตพาณิชย์จีนประจำประเทศไทย และต่อมาได้ยื่นหนังสือต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม,ปลัดกระทรวงคมนาคมและประธานบอร์ด องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แต่ไม่ได้รับการแจ้งถึงผลการพิจารณาโครงการแต่อย่างไร
ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขสมก.ได้เดินหน้าประมูลจัดซื้อรถเมล์ NGV เป็นไปตามมติครม.เดิมไม่ได้ใช้วิธีการจัดหาแบบ จีทูจี ตามข้อเสนอของบริษัท หากจะทำจีทูจีต้องไปยกเลิกมติ ครม. และรูปแบบ จีทูจี เป็นเรื่องรัฐบาลต่อรัฐบาล เมื่อรัฐบาลไทยไม่รับข้อเสนอถือว่าจบจะมาร้องเรียนอะไรอีกและที่ผ่านมา บริษัท ฯสามารถยื่นประมูลได้ไม่ได้ปิดกั้นแต่อย่างใด
โดย เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา นางปราณี ศุกระศร กรรมการและรักษาการผอ. ขสมก. ได้รายงานผลการตรวจสอบโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ล็อตแรก จำนวน 489 คัน ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก. ที่มีพล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน แต่ตั้งขึ้น สรุปว่า การประมูลดำเนินการถูกต้องตามกระบวนการ ส่วนกรณีที่มีผู้สังเกตการณ์ ระบุว่า มีเอกสารการยื่นข้อเสนอไม่ถูกต้อง ได้ตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง รวมถึงข้อท้วงติงต่างๆ ที่ผ่านมาได้ปรับแก้มาหมดแล้ว ถือว่าถูกต้องตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างและ ข้อตกลงสัญญาคุณธรรมซึ่งบอร์ดได้ให้เวลาคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง 7 วัน ขณะนี้เลยเวลาแล้วดังนั้น ได้แจ้งไปที่ประธานบอร์ด ขสมก.ให้ดำเนินการสรุปผลและเดินหน้าตามขั้นตอนได้ ซึ่งกลุ่มบริษัทร่วมค้า JVCC ที่มีบริษัท ช.ทวี ดอลลาเซียน จำกัด (มหาชน)เป็นแกนนำ เป็นผู้ชนะการประมูล
ทั้งนี้ กรณีที่บริษัท เบสทรินกรุ๊ป จำกัด ได้ยื่นฟ้องศาลปกครอง ไว้นั้น พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์ฟ้องร้อง แต่ถ้าศาลไม่มีคำสั่งระงับใดๆ หรือไม่ได้คุ้มครอง ขสมก.จะต้องเดินหน้าต่อไป
ส่วนการจัดหารถเมล์ไฟฟ้า นั้น ขณะนี้ข้อมูลที่จะนำมาเปรียบเทียบ รวมถึงการทดสอบวิ่งในกทม. เพียงพอแล้ว โดยคณะทำงานจะสรุปผลว่า จำนวนรถเมล์ที่เหลือ อีก จำนวน 2,694 คัน จะเป็นรถ NGVเท่าไร เป็นรถเมล์ไฟฟ้าเท่าไร จึงจะเหมาะสมและคุ้มค่ากับการลงทุนในเรื่องอู่และสถานีเติมก๊าซและชาร์จไฟฟ้า สำหรับ
สำหรับ ข้อเสนอของ บริษัท CHMC ในครั้งนี้ ได้เสนอขายรถเมล์ NGV จำนวน 3,183 คัน รูปแบบ จีทูจี พร้อมแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินและแผนฟื้นฟู ขสมก. ในราคาคันละ 2.608 ล้านบาท รวม 3,183 คัน เป็นเงิน 8,302 ล้านบาท บวกค่าซ่อมบำรุง 10 ปี 8,302 ล้านบาท (ซ่อมตามระยะทาง รับผิดชอบรวมผ้าเบรก ยาง แบตเตอรี่ ขสมก.จ่าย ค่าก๊าซ NGV เท่านั้น) รวมดอกเบี้ย 5% อีก 15,094 ล้านบาท คิดเป็นวงเงินรวมในการจัดซื้อพร้อมซ่อมบำรุง 10 ปี ที่ 31,698 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อคันที่ 9.95 ล้านบาท โดยจ่ายเงินดาวน์ 15% ในครั้งแรก ช่วง 5 ปีแรก ปลอดการชำระ ส่วนที่เหลือ 85 % ผ่อนชำระในปีที่6-10 ซึ่งใน 5 ปีหลังนี้ จะได้รับการเปลี่ยนรถใหม่ให้ทั้งหมด 3,183 คัน เท่ากับ ได้รถทั้งสิ้น 6,366 คัน
ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการประมูลซื้อรถเมล์ NGV ของขสมก.ล็อตแรก จำนวน 489 คัน เฉลี่ยที่คันละ 3.55 ล้านบาท หากคิดที่ 3,183 คัน เป็นเงิน 3,550 ล้านบาท บวกค่าซ่อมบำรุง 10 ปี 14,882 ล้านบาท (ไม่รวมค่าวัสดุสิ้นเปลือง) ดอกเบี้ย 5% 13,091 ล้านบาท คิดเป็นวงเงินจัดซื้อพร้อมซ่อมบำรุง 10 ปีรวม 39,273 ล้านบาท หรือเฉลี่ยคันละ 12.33 ล้านบาท ได้รถที่ 3,183 คันเท่านั้น
“ทางบริษัทฯมาขอความเป็นธรรม กรณีไม่พิจารณาข้อเสนอของเรา ส่วนที่ ขสมก.ประมูลเป็นราคาที่แพง ซึ่งรัฐบาลจีนถือหุ้น 100% ในบริษัทซึ่งมีการผลิตรถบัสปีละกว่าหมื่นคัน และมีการส่งออกทั้งยุโรป อเมริกา อัฟริกา หลายพันคัน เป็นการรับประกันถึงมาตรฐานรถอยู่แล้ว ซึ่งหากได้รับการพิจารณาจากไทย จะมีการเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการสร้างสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนที่ดีอีกด้วย”นายวินัยกล่าว