ASTVผู้จัดการรายวัน - คาราบาวแดงโกอินเตอร์ไปเมืองผู้ดี งัดกลยุทธ์ “สปอร์ตมาร์เกตติ้ง” เป็นสปอนเซอร์สโมสรฟุตบอลเรดดิ้ง อังกฤษ ต่อยอดขายสินค้าหวัง 3ปีรายได้ 600 ล้านบาท ส่งปีนี้ลงทุนเพิ่มอีก 600 ล้านบาทซื้อเครื่องจักรเพิ่มการผลิตใหม่รับตลาดต่างประเทศที่เตรียมไปต่ออย่างสเปน หวังลดเสี่ยงตลาดเครื่องดื่มชูกำลังไทยซบ
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและทำตลาดเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทจะให้ความสำคัญต่อตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรปถือเป็นปีแรกที่พร้อมรุกในโซนนี้ โดยล่าสุดได้เซ็นสัญญาเข้าเป็นผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอลเรดดิ้ง ในลีกฟุตบอล เดอะแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าและจำหน่ายสินค้าในประเทศอังกฤษผ่านคลับในสโมสร และซูเปอร์มาร์เกต ราคาขายกระป๋องละประมาณ 1.5 ปอนด์ หรือประมาณ 60-70 บาท เป็นการปูทางก่อนรุกจริงจัง คาดว่าอีก 3 ปีจะมีรายได้จากประเทศอังกฤษไม่ต่ำกว่า 500-600 ล้านบาท
“การรุกตลาดในต่างประเทศ เราให้บริษัท อินเตอร์คาราบาว เป็นผู้ดูแล ในตลาดแต่ละประเทศจะมีตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้ว ซึ่งสินค้าที่จะนำเข้าไปจำหน่ายจะใช้แบรนด์คาราบาว ซึ่งจะมีทั้งรูปแบบใส่คาร์บอเนต และไม่ใส่คาร์บอเนต แล้วแต่ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศ ซึ่งหลังจากนี้บริษัทมีแผนที่จะนำเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้แบรนด์ คาราบาว ในรูปแบบคาร์บอเนตเข้าไปทำตลาดในประเทศสเปนเป็นประเทศต่อไป เหมือนกับที่ทำตลาดในอังกฤษ กัมพูชา อเมริกา และพม่า บริษัทคาดว่าการรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้นจะส่งผลสิ้นปีนี้มีรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2557 ที่มีรายได้ 2,000 ล้านบาท และเป็น 4,000 ล้านบาทในอีก 3 ปี” นายเสถียรกล่าว
บริษัทยังมีแผนลงทุนช่วงไตรมาสสี่อีกประมาณ 500-600 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิต 100% รองรับการขยายตลาดต่างประเทศ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 350 ล้านกระป๋องต่อปี ในกลุ่มของเครื่องดื่มชูกำลังแบบกระป๋องทั้งในรูปแบบมีคาร์บอเนต และไม่มีคาร์บอเนต
ทั้งนี้ จากแผนงานดังกล่าวมั่นใจว่าอีก 3 ปีจากนี้รายได้รวมบริษัทจะมีประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 50% และต่างประเทศ 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ในประเทศ 70% ต่างประเทศ 30% หรือมีรายได้รวมประมาณ 3 พันล้านบาท
นายเสถียรกล่าวต่อว่า ผลประกอบการของคาราบาวแดงช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีรายได้เติบโตกว่าภาพรวมตลาดชูกำลังเล็กน้อย คือ ไม่ติดลบเหมือนกับภาพรวมตลาด เพราะบริษัททำกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการซื้อ จึงมั่นใจว่าสิ้นปีนี้คงจะรักษาส่วนแบ่งการตลาด 22-23% เอาไว้ได้
ขณะที่ภาพรวมตลาดในครึ่งปีแรกมีการเติบโตติดลบประมาณ 3% เนื่องจากตลาดค่อนข้างอิ่มตัว แต่หลังจากมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาสู่ตลาดเพิ่มอีก ประกอบกับการที่คู่แข่งทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปีนี้ตลาดรวมเครื่องดื่มชูกำลังจะกลับมาทรงตัว หรือมีมูลค่าใกล้เคียงกับปี 2557 ที่กว่า 3 หมื่นล้านบาท
“ภาวะที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นเหตุผลที่บริษัทต้องปรับตัวหันมาขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น เพราะเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตในทิศทางที่ดี โดยเฉพาะในตลาดยุโรป ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพมาก” นายเสถียรกล่าว