“แหลมทอง” ระยอง ปรับใหญ่ ทุ่ม 2,600 ล้านบาทยุบห้างสรรพสินค้าปรับสู่ศูนย์การค้าอย่างเดียว พร้อมผุดโรงแรม จางเชน อินเตอร์คอนติเนนตัล อังกฤษ บริหาร
นางสาวปัทมาพร นกหงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หงษา แอสเซท จำกัด ลูกสาวนายสมควร นกหงษ์ ผู้บริหารโครงการศูนย์การค้า แพชชั่น บาย แหลมทอง ระยอง เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตัดสินใจที่จะเลิกดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าแหลมทอง ระยอง ที่มีพื้นที่ห้าง 15,000 ตารางเมตร เพื่อปรับให้เป็นธุรกิจศูนย์การค้าทั้งหมดในชื่อใหม่ว่า แพชชั่น บาย แหลมทอง ระยอง ซึ่งปรับเฉพาะสาขาที่ระยองเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับห้างแหลมทองสาขาอื่น ด้วยงบประมาณรีโนเวตกว่า 600 ล้านบาท เริ่มรีโนเวตเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งศูนย์การค้าเดือนสิงหาคมนี้
นอกจากนั้นยังขยายธุรกิจด้วยการลงทุนอีก 2,000 ล้านบาท สร้างโรงแรมขนาดใหญ่ด้านหน้าศูนย์ฯ พื้นที่ใช้สอย 39,655 ตารางเมตร สูง 32 ชั้น จำนวน 288 ห้องพัก สร้างแล้ว 30% คาดว่าจะเปิดบริการโรงแรมในไตรมาสสี่ปี 2559 โดยว่าจ้างเชนอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล กรุ๊ป จากอังกฤษ ที่มีโรงแรมในเครือมากกว่า 4,600 แห่งทั่วโลกเข้ามาบริหารโรงแรม
ทั้งนี้ ศูนย์การค้าใหม่ทั้งหมดจะมีพื้นที่ค้าปลีกรวม 66,590 ตารางเมตร จากพื้นที่ทั้งหมด 118,590 ตารางเมตร สูง 3 ชั้น ซึ่งรวมพื้นที่เดิมของห้างแล้ว จากเดิมมีลูกห้อง 700 ยูนิต จะเพิ่มได้อีก 271 ยูนิต รวมแล้วกว่า 1,000 ยูนิต โดยมีลูกค้ารายใหญ่เช่น บิ๊กซี ที่เช่าพื้นที่มากว่า 4 ปีแล้ว เอสเอฟซีนีม่า ขณะนี้พื้นที่เต็มหมดแล้ว
“เราต้องปรับตัวใหม่ให้เป็นไปตามเทรนด์ของโลก เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคอาจจะไม่สนุกกับการเดินห้างสรรพสินค้าเท่าใดนัก ไม่เหมือนศูนย์การค้าพลาซาที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า อีกทั้งเวลานี้ค้าปลีกรายใหญ่ๆ จากทุนข้ามชาติ ทุนส่วนกลางก็เข้ามาระยองกันเต็มไปหมดแล้ว การแข่งขันค้าปลีกจึงรุนแรงมากขึ้น ล่าสุดก็คือ เซ็นทรัล ที่เพิ่งเปิดศูนย์การค้าซึ่งมีพื้นที่ห่างจากโครงการ 6 กิโลเมตร เราก็ต้องปรับตัวด้วย”
อีกทั้งระยองเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในไทย คือประมาณ 1.1 ล้านบาทต่อคนต่อปี ขณะที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงยังต่ำเป็นอันดับที่สอง และระยองมีประชากรอาศัยอยู่ 1.4 ล้านคน แบบลงทะเบียนในพื้นที่ 7 แสนคน และไม่มีชื่อในทะเบียน 7 แสนราย ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูงมาก และยังรองรับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวจังหวัดระยองที่เติบโตอย่างมาก คาดหวังว่าหลังจากที่โครงการของเราเสร็จสมบูรณ์ทั้งศูนย์การค้ากับโรงแรม จะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้นในระยองอีกมากกว่า 1,800 ล้านบาท
นางสาวปัทมาพรกล่าวต่อว่า ศูนย์การค้าของเราเปิดมาแล้ว 18 ปี เติบโตมาตลอด ล่าสุดมีคนเข้าเดินมากกว่า 40,000 คนในวันธรรมดา และมากกว่า 55,000 คนในวันเสาร์-อาทิตย์ คาดว่าหลังจากรีโนเวตเสร็จแล้วคนเข้าศูนย์ฯ จะเพิ่มอีก 20% ส่วนรายได้คาดว่าจะมี 1,000 กว่าล้านบาทใกล้เคียงปีที่แล้ว เพราะบริษัทฯ ไม่ได้ปรับราคาค่าเช่าเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด แต่คาดว่าปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 10%
นางสาวปัทมาพร นกหงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หงษา แอสเซท จำกัด ลูกสาวนายสมควร นกหงษ์ ผู้บริหารโครงการศูนย์การค้า แพชชั่น บาย แหลมทอง ระยอง เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตัดสินใจที่จะเลิกดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าแหลมทอง ระยอง ที่มีพื้นที่ห้าง 15,000 ตารางเมตร เพื่อปรับให้เป็นธุรกิจศูนย์การค้าทั้งหมดในชื่อใหม่ว่า แพชชั่น บาย แหลมทอง ระยอง ซึ่งปรับเฉพาะสาขาที่ระยองเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับห้างแหลมทองสาขาอื่น ด้วยงบประมาณรีโนเวตกว่า 600 ล้านบาท เริ่มรีโนเวตเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งศูนย์การค้าเดือนสิงหาคมนี้
นอกจากนั้นยังขยายธุรกิจด้วยการลงทุนอีก 2,000 ล้านบาท สร้างโรงแรมขนาดใหญ่ด้านหน้าศูนย์ฯ พื้นที่ใช้สอย 39,655 ตารางเมตร สูง 32 ชั้น จำนวน 288 ห้องพัก สร้างแล้ว 30% คาดว่าจะเปิดบริการโรงแรมในไตรมาสสี่ปี 2559 โดยว่าจ้างเชนอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล กรุ๊ป จากอังกฤษ ที่มีโรงแรมในเครือมากกว่า 4,600 แห่งทั่วโลกเข้ามาบริหารโรงแรม
ทั้งนี้ ศูนย์การค้าใหม่ทั้งหมดจะมีพื้นที่ค้าปลีกรวม 66,590 ตารางเมตร จากพื้นที่ทั้งหมด 118,590 ตารางเมตร สูง 3 ชั้น ซึ่งรวมพื้นที่เดิมของห้างแล้ว จากเดิมมีลูกห้อง 700 ยูนิต จะเพิ่มได้อีก 271 ยูนิต รวมแล้วกว่า 1,000 ยูนิต โดยมีลูกค้ารายใหญ่เช่น บิ๊กซี ที่เช่าพื้นที่มากว่า 4 ปีแล้ว เอสเอฟซีนีม่า ขณะนี้พื้นที่เต็มหมดแล้ว
“เราต้องปรับตัวใหม่ให้เป็นไปตามเทรนด์ของโลก เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคอาจจะไม่สนุกกับการเดินห้างสรรพสินค้าเท่าใดนัก ไม่เหมือนศูนย์การค้าพลาซาที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า อีกทั้งเวลานี้ค้าปลีกรายใหญ่ๆ จากทุนข้ามชาติ ทุนส่วนกลางก็เข้ามาระยองกันเต็มไปหมดแล้ว การแข่งขันค้าปลีกจึงรุนแรงมากขึ้น ล่าสุดก็คือ เซ็นทรัล ที่เพิ่งเปิดศูนย์การค้าซึ่งมีพื้นที่ห่างจากโครงการ 6 กิโลเมตร เราก็ต้องปรับตัวด้วย”
อีกทั้งระยองเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในไทย คือประมาณ 1.1 ล้านบาทต่อคนต่อปี ขณะที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงยังต่ำเป็นอันดับที่สอง และระยองมีประชากรอาศัยอยู่ 1.4 ล้านคน แบบลงทะเบียนในพื้นที่ 7 แสนคน และไม่มีชื่อในทะเบียน 7 แสนราย ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูงมาก และยังรองรับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวจังหวัดระยองที่เติบโตอย่างมาก คาดหวังว่าหลังจากที่โครงการของเราเสร็จสมบูรณ์ทั้งศูนย์การค้ากับโรงแรม จะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้นในระยองอีกมากกว่า 1,800 ล้านบาท
นางสาวปัทมาพรกล่าวต่อว่า ศูนย์การค้าของเราเปิดมาแล้ว 18 ปี เติบโตมาตลอด ล่าสุดมีคนเข้าเดินมากกว่า 40,000 คนในวันธรรมดา และมากกว่า 55,000 คนในวันเสาร์-อาทิตย์ คาดว่าหลังจากรีโนเวตเสร็จแล้วคนเข้าศูนย์ฯ จะเพิ่มอีก 20% ส่วนรายได้คาดว่าจะมี 1,000 กว่าล้านบาทใกล้เคียงปีที่แล้ว เพราะบริษัทฯ ไม่ได้ปรับราคาค่าเช่าเพิ่มมากขึ้นแต่อย่างใด แต่คาดว่าปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 10%