ลุ้นครึ่งปีหลังภาครัฐใช้เงินอย่างฉลาด ส่งตลาดอีเวนต์กระเตื้องได้ 5-10% “ปิโก้” เชื่อเทรนด์ “อินเทอร์เน็ต ออฟ ทิงส์” ซึมสู่ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค มองเป็นผลดีต่ออีเวนต์ สร้างมูลค่าเวลา ความเชื่อมั่นต่อสินค้า กระตุ้นธุรกิจให้เติบโต พร้อมเดินหน้าลุยธุรกิจเอดูเคชันคอมมูนิเคชัน ลดช่องว่างเทคโนโลยี มั่นใจอนาคตเป็นรายได้หลัก จากปีนี้คาดรายได้สูสีปีก่อนที่ปิดไป 970 ล้านบาท
นายศีลชัย เกียรติภาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิโก้ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ในช่วงไตรมาสสี่ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะต้องประเมินจากปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ยังมองในทิศทางที่ดีอยู่ เพราะหากภาครัฐออกมาใช้เงินอย่างฉลาด บวกกับสถานการณ์ท่องเที่ยวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ครึ่งปีหลังก็มีแนวโน้มที่ค่อนข้างดี
ยิ่งภาครัฐจะเข้ามาใช้เงินประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเปิดเออีซี น่าจะมีเม็ดเงินอีเวนต์สูงขึ้น หรือทั้งปีธุรกิจอีเวนต์น่าจะโตได้ 5-10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มีปัญหาเศรษฐกิจ จากที่มองว่าอีเวนต์จะโตแต่ก็ไม่เป็นไปตามที่มองไว้ ซึ่งส่งผลมาจนถึงช่วงต้นปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจก็ยังนิ่งอยู่ ทำให้สถานการณ์ต่างๆ ยังไม่คลี่คลาย จีดีพีของประเทศจากเดิมที่มองว่าจะโต 4-5% ก็ลดมาเหลือ 3%
ในส่วนของปิโก้ ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาทำรายได้ไปกว่า 400 ล้านบาท โดยมีงานที่เซ็นสัญญากับลูกค้าไปแล้วช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาคิดเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท แบ่งเป็นอีเวนต์จากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 33% จากอุตสาหกรรมรถยนต์อีก 25% และอีก 42% มาจากส่วนอื่นๆ ทั้งนี้พบว่ากลุ่มลูกค้าเดิมซึ่งส่วนใหญ่เป็นท็อป 3 ในอุตสาหกรรมนั้นๆ ทั้งรถยนต์, พลังงาน และฟูดแอนด์เบฟเวอเรจ ต่างยังคงพร้อมใช้งบในการจัดอีเวนต์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เข้ามา อย่างฟูดและเบฟเวอเรจ ทำให้มั่นใจว่าถึงสิ้นปีนี้บริษัทน่าจะรักษารายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ปิดไป 970 ล้านบาท หรือมีอัตราเติบโตขึ้นเล็กน้อย
นายศีลชัยกล่าวต่อว่า จากการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของเทคโนโลยีที่มีอย่างต่อเนื่อง มองว่าในช่วง 10 ปีหลังจากนี้ธุรกิจอีเวนต์จะยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ไม่เหมือนธุรกิจอื่นๆ ที่อาจจะหายไปหรือถูกแทนที่ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยมองว่าอีเวนต์จะเข้ามาเสริมศักยภาพในการนำเสนอสินค้าให้ดียิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความน่าเชื่อถือ อีกทั้งเพิ่มมูลค่าของเวลาในการนำเสนอสินค้านั้นๆ ด้วยหัวใจหลักที่ต้องคำนึงถึง คือ คอนเทนต์ ที่ดึงดูดและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ซึ่งอีเวนต์ที่จะอยู่รอด ณ เวลานั้นจะต้องระดับโปรเฟสชันนัล และคู่แข่งจะอยู่ในระดับโกลบอล
ดังนั้น ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาปิโก้จึงให้ความสำคัญต่อธุรกิจเกี่ยวกับเอดูเคชันคอมมูนิเคชัน ในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้รู้เท่าทันเทคโนโลยีและตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันจึงมีรูปแบบการให้บริการเกี่ยวกับการทำวิจัย จัดอบรม สัมมนา จัดงานอีเวนต์ เช่น เอ็ดดูก้า และดูแลช่อง มหิดล แชนเนล ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว
เพื่อต้องการพัฒนาศักยภาพบุคลากรสู่กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่กำลังเข้าสู่ยุค Internet of Things หรือ IoT ซึ่งในส่วนของธุรกิจอีเวนต์แล้วควรที่จะต้องคำนึงถึง 2 ข้อหลักต่อไปนี้ คือ 1. รู้เท่าทันเทคโนโลยี/ข้อมูล รู้ว่าโลกเปลี่ยน และลูกค้าจะคุยกับคนที่เข้าใจ IoT 2. ต้องมีความเป็นมืออาชีพ เข้าใจแวลูของเวลาของลูกค้า และพัฒนาออกมาเป็นคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจเอดูเคชันคอมมูนิเคชันปัจจุบันยังทำรายได้น้อยอยู่ ขณะที่รายได้หลักมาจากธุรกิจอีเวนต์คอมมูนิเคชันที่เกี่ยวข้องกับไมซ์ และมาร์เกตติ้ง แต่ในอนาคตเชื่อว่าเอดูเคชันคอมมูนิเคชันจะมีรายได้เติบโตและเป็นรายได้หลักต่อไปได้ ทั้งนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญต่อธุรกิจอีเวนต์อยู่ โดยมีทั้งดูแลให้ลูกค้าและพัฒนาหรือเลือกลงทุนนำเข้ามาจัดที่ประเทศไทยเอง โดยขณะนี้กำลังมีการเจรจาอยู่หลายงาน คาดว่าจะทำให้ปีหน้าเป็นปีที่ดีของปิโก้อีกครั้ง จากปกติจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป