xs
xsm
sm
md
lg

“แอมเวย์” ชูไทยตลาดหลัก ปรับแผน-อัดแคมเปญสู้ ศก.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายไมเคิล เคเซอร์ (ซ้าย)  และ นายกิจธวัช ฤทธีราวี ( ขวา )
“แอมเวย์” ทุ่ม 332 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่ม 5 โรงงาน รับกลยุทธ์ “แอมเวย์เน็กซ์” สู่ทศวรรษหน้า หวังเพิ่มนักขายระดับแพลทินัม 2 เท่า พร้อมรายได้เติบโตในทิศทางเดียวกัน ส่วนแอมเวย์ไทยงัดกลยุทธ์เพอร์ซันนัลแคร์ ลดแลกแจกแถมประคองรายได้ หวังครึ่งปีหลังสถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองกระเตื้อง ลุ้นรายได้โตกว่าปีก่อนที่ปิดไป 16,250 ล้านบาท

นายไมเคิล เคเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการแอมเวย์ เปิดเผยว่า ในอีก 10 ข้างหน้าตลาดเซาท์อีสต์เอเชียมีศักยภาพสูงมาก โดยเฉพาะประเทศไทย มองในระยะยาวเศรษฐกิจอยู่ในช่วงการเติบโต ผู้บริโภคมีอำนาจในการซื้อสูงขึ้น และกลุ่มคนรุ่นใหม่มีความคิดแตกต่างจากคนรุ่นก่อน มุ่งสู่ความเป็นเจ้าของกิจการมากขึ้น ตลาดเกิดใหม่เป็นโอกาสสำคัญของแอมเวย์

จากโอกาสที่เกิดขึ้น แอมเวย์จึงได้พัฒนากลยุทธ์ระยะยาวที่เรียกว่า “แอมเวย์เน็กซ์” มุ่งเน้นด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค และสร้างประสบการณ์ตรงที่ดีระหว่างแบรนด์กับผู้ใช้โดยตรง ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. การพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์และตอบโจทย์ผู้บริโภค ล่าสุดใช้งบกว่า 332 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับสร้างโรงงานพร้อมวิจัยและพัฒนาจำนวน 5 โรงใน 4 ประเทศ คือ 1. เวียดนาม 2. อินเดีย 3. อเมริกา และ 4. จีน ซึ่งทางแอมเวย์ได้ให้ความสำคัญต่อสมุนไพรเอเชีย จึงมุ่งวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากสมุนไพรเหล่านี้ที่ประเทศจีน

2. การนำดิจิตอลช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและการมีส่วนร่วมเพื่อช่วยนักธุรกิจแอมเวย์ได้ทราบข้อมูลที่จำเป็นแบบทันที รวมถึงเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลในการจัดการปัญหาต่างๆ 3. ความรวดเร็วในการสนับสนุนความสำเร็จของนักธุรกิจแอมเวย์ พัฒนาเครื่องมือดิจิตอล ระบบซัปพลายเชน และวิจัยพัฒนาให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบสนองนักธุรกิจแอมเวย์และปรับเปลี่ยนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

กลยุทธ์แอมเวย์เน็กซ์ สำคัญที่สุดเพื่อมุ่งเน้นให้นักธุรกิจประสบความสำเร็จ พร้อมสร้างนักธุรกิจระดับแพลทินัมเพิ่มขึ้น 2 เท่า หรือในอีก 10 ปีข้างหน้ารายได้แอมเวย์ทั่วโลกจะเติบโตไปในทิศทางเดียวกับจำนวนนักธุรกิจที่เติบโตขึ้น ขณะที่รายได้ของแอมเวย์ทั่วโลกในปีที่ผ่านมามีมูลค่า 10.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ สิ้นปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่สำคัญของแอมเวย์ หรือมียอดขายติดท็อป 5 รองจาก จีน เกาหลีใต้ อเมริกา และญี่ปุ่น

ด้านนายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันนักธุรกิจแอมเวย์ทั่วโลกที่อยู่ในระดับแพลทินัมมีอยู่ 50,000 คน หรือแต่ละคนทำยอดขายอยู่ที่ 5.5 ล้านบาทต่อปีขึ้นไป ส่วนในไทยมีนักธุรกิจระดับแพลทินัมอยู่ 3,000 คน โดยในไทยจะดำเนินตามแผนแอมเวย์เน็กซ์ที่ได้รับมา หรือภายใน 10 ปีข้างหน้า จำนวนนักธุรกิจแพลทินัม และรายได้จะเติบโตขึ้น 2 เท่าในทิศทางเดียวกับแอมเวย์ทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม สำหรับการดำเนินธุรกิจแอมเวย์ในไทยปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังนิ่งทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้เงิน จากเดิมที่บริษัทจะเน้นทำการตลาดในกลุ่มสินค้าเฮลท์&บิวตี้ ส่งผลให้ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาได้ปรับแผนระยะสั้น ชูสินค้ากลุ่มเพอร์ซันนัลแคร์ สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันมากระตุ้นการขาย รวมถึงมีเรื่องของโปรโมชันส่งเสริมการขายเข้ามาด้วย พบว่าสามารถประคองรายได้ได้ดีอยู่ เช่น ยาสีฟัน มียอดขายเติบโตขึ้น 10% รวมถึงมีสมาชิกใหม่เข้ามาอีก 30%

ทั้งนี้ หวังว่าในครึ่งปีหลังสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น และรายได้แอมเวย์จะมีโอกาสเติบโตได้บ้าง จากปีก่อนที่ปิดรายได้ไป 16,250 ล้านบาท




กำลังโหลดความคิดเห็น