นวพลาสติกฯ ผู้ผลิตประตูหน้าต่างไวนิล แบรนด์ “วินด์เซอร์” รุกหนักตลาดในประเทศ หวังครองตลาดประตูหน้าต่างสำหรับบ้านใหม่ และบ้านรีโนเวต มั่นใจยอดขายปี 58 เติบโต 28% ระบุปัจจัยสนับสนุนด้านเศรษฐกิจดันโครงการอสังหาฯ ขยายตัวต่อเนื่อง เชื่อตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภครุ่นใหม่ต้องการความสะดวกสบาย และรวดเร็ว
นายธีรัตถ์ อุทยานัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตแบรนด์ประตูหน้าต่างวินด์เซอร์ ในเครือเอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจี ต้องการเติมเต็มไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ในการเลือกใช้ประตูหน้าต่าง ขณะเดียวกัน บริษัทเองก็มีความเข้มแข็งด้านผลิตภัณฑ์ เพราะมีทีมวิจัยที่พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ทั้งเรื่องการบริการที่ตอบโจทย์ในเรื่องของเวลา คือ ความรวดเร็วที่มาพร้อมกับคุณภาพ กว่า 15 ปีที่ผ่านมา วินด์เซอร์นับเป็นแบรนด์ประตูหน้าต่างไวนิลอันดับ 1 ที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจเสมอมา นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจะชะลอตัว แต่บริษัทฯ คาดว่าหากไม่มีปัจจัยอื่นๆ ที่มากระทบเชื่อว่าตลาดรวมจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยคาดว่าการขยายตัวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดีของภาคธุรกิจวัสดุก่อสร้าง โดยมีโอกาสขยายตัว 5-10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดประตูหน้าต่างไวนิลด้วย โดยปัจจุบัน ตลาดประตูหน้าต่างมีมูลค่าประมาณ 24,000-25,000 ล้านบาท ขณะที่ประตูหน้าต่างไวนิลมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 12% หรือคิดเป็นมูลค่าเกือบ 3,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตต่อปีโดยเฉลี่ยประมาณ 15-20% ทุกปี โดยแบรนด์วินด์เซอร์ แชร์ตลาดประตูหน้าต่างไวนิลอยู่ที่ 80%
นายถาวร รุ้งรุจิเมฆ ผู้จัดการผ่ายขายแบรนด์วินด์เซอร์ กล่าวว่า ในปีนี้ วินด์เซอร์จะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจโดยเน้นการตลาดเชิงรุก เดินหน้าเป็นผู้นำด้านประตูหน้าต่าง โดยตั้งเป้าเป็นผู้นำข้อมูล และคำปรึกษาด้านประตูหน้าต่างอย่างครบวงจรแห่งแรกของไทย โดยให้บริการลูกค้าครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มลูกค้าบ้านใหม่ และกลุ่มบ้านรีโนเวต โดยในปีที่ผ่านมา วินด์เซอร์ได้ออกบริการใหม่ วินด์เซอร์ ฟาสต์ รีนิว บริการเปลี่ยนประตูหน้าต่างเก่า
“วินด์เซอร์ได้คิดค้น และพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นเพื่อช่วยให้การเปลี่ยนประตูหน้าต่างเก่าเสร็จได้ใน 1 วัน ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกเจ้าเดียวในเมืองไทย โดยการบริหาร และควบคุมมาตรฐานจากวินด์เซอร์ ซึ่งเราได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากลูกค้าบ้านรีโนเวต”
“นอกจากนี้ วินเซอร์ยังมุ่งปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปีนี้เราได้พัฒนาสินค้าออกมาใหม่เพื่อตอบรับตลาดบ้านเดี่ยว สินค้าเน้นการใช้งานง่าย ไม่ต้องดูแลรักษามาก อย่างสินค้าระบบระแนงวินด์เซอร์และสินค้าใหม่ ระบบไม้พื้นวินด์เซอร์ รุ่นเซฟวี่ โดยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่าย และติดตั้งวินด์เซอร์กว่า 30 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งร้านค้าภายใต้เครือเอสซีจี และช่องทางโมเดิร์นเทรด ได้แก่ โกลบอลเฮ้าส์ และไทวัสดุ”
ทั้งนี้ แม้ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดค่อนข้างสูงเพราะมีคู่แข่งในตลาดมากขึ้น ทั้งผู้ผลิตจากทั้งในและนอกประเทศ ถือว่าเป็นความท้าทายใหม่ของเรา แต่วินด์เซอร์ยังคงยึดมั่นในคุณภาพ มาตรฐานสินค้า และการบริการตามคำมั่นสัญญาที่เรามีให้แก่ลูกค้าเสมอมา เอกลักษณ์เฉพาะตัว ความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบต่อลูกค้าเป็นเหตุผลที่ทำให้ลูกค้าทั้งรายใหญ่ และรายย่อยให้ความเชื่อมั่นเราตลอดมา
“สำหรับในปี 57 ที่ผ่านมา วินด์เซอร์สามารถปิดยอดจำหน่ายไปได้ถึง 1,250 ล้านบาท และในปีนี้ หากไม่มีปัจจัยภายนอกอื่นมากระทบ คาดว่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 28% โดย 4 เดือนแรกที่ผ่านมา วินด์เซอร์สามารถทำยอดจำหน่ายได้แล้วกว่า 445 ล้านบาท นอกจากนั้น แผนระยะยาวของแบรนด์วินด์เซอร์ยังตั้งเป้าหมายในการขยายไปสู่ตลาดอาเซียน ซึ่งในปัจจุบันก็มีการขยายตลาดไปแล้ว แต่ตั้งเป้าจะขยายแบบก้าวกระโดดไปสู่ลาว กัมพูชา และพม่า (Penetrate ASEAN Market) ต่อไป”