“กนอ.” เกาะติดภัยแล้ง หวั่นอุตสาหกรรมขาดแคลนน้ำในการผลิตใน2 พื้นที่ นิคมฯ ภาคตะวันออก และนิคมฯ พื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มั่นใจภาคตะวันออกไม่ซ้ำรอยเดิมให้โรงงานลดการผลิตลงหลังฝนเริ่มตก ส่วนพื้นที่อยุธยาหากวิกฤตจริงเพราะเกี่ยวข้องกับน้ำในเขื่อนเตรียมฟื้นบ่อบาดาลสำรองใช้ฉุกเฉิน
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กนอ.อยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์ภัยแล้งใกล้ชิดใน 2 พื้นที่ที่อาจกระทบต่อการดำเนินงานของภาคอุตสาหกรรมการผลิต คือ พื้นที่นิคมฯ ในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก หรืออีสเทิร์นซีบอร์ด และภาคกลางบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มีนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ โดยขณะนี้ได้เตรียมมาตรการรองรับไว้แล้วหากภาวะภัยแล้งเข้าขั้นวิกฤตจริงจะสามารถนำมาปฏิบัติได้ทันที
ทั้งนี้ พื้นที่ภาคตะวันออกล่าสุดการบริหารจัดการน้ำโดย บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรืออีสต์วอเตอร์ ยังคงสามารถรองรับความต้องการน้ำในภาคอุตสาหกรรมได้ โดยปริมาณน้ำจากอ่างหลักๆ ได้แก่ ดอกกราย หนองปลาไหล และคลองใหญ่ ยังบริหารได้เป็นไปตามแผน โดยเฉพาะที่คลองใหญ่ได้มีการผันน้ำจากประแสร์เข้ามาเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้ สิ่งที่กังวลคือจะต้องติดตามปริมาณฝนใกล้ชิดหากตกลงมาไม่มากนักอาจจะกระทบต่อน้ำต้นทุนในปี 2559 ที่ลดต่ำได้
สำหรับนิคมฯ แถบจังหวัดอยุธยาที่มีอยู่ประมาณ 3 แห่งที่ต้องติดตามใกล้ชิดเนื่องจากจะมีการใช้น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและป่าสักที่จะเกี่ยวพันกับการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ลงมา ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 มีปริมาณน้ำต่ำมากเหลือใช้ไม่ถึง 30 กว่าวันเท่านั้นหากไม่มีฝนเข้ามาเพิ่มเติม แต่สิ่งที่กังวลคือปริมาณน้ำเค็มที่เริ่มดันเข้ามาสูงก็ได้ประสานไปยังการประปานครหลวงและภูมิภาคเพื่อเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม หากวิกฤตจริงในพื้นที่ดังกล่าว กนอ.มีแผนสำรองฉุกเฉินไว้รองรับด้วยการนำน้ำบาดาลที่เป็นน้ำสำรองกลับมาใช้รองรับได้ระยะหนึ่งที่จะช่วยประคับประคองให้ผ่านสถานการณ์ไปได้
“ในพื้นที่ภาคตะวันออก จากที่ประเมินยังไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นให้เอกชนลดการผลิตเพื่อลดการใช้น้ำที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โดยหากพบว่าสถานการณ์ไม่ดีจริงจะเป็นการขอให้เอกชนลดการใช้น้ำลงก่อน แต่เชื่อว่าฝนที่ตกมาช่วงนี้ในภาคตะวันออกน่าจะไม่มีปัญหา ส่วนนิคมฯ อยุธยาถ้าวิกฤตจริงสามารถนำเอาบ่อบาดาลที่อดีตแต่ละนิคมฯ มีการขุดเจาะไว้แห่งละ 10 บ่อแต่ต่อมารัฐบาลยกเลิกใช้น้ำบาดาลจึงเป็นบ่อสำรองไว้ใช้ฉุกเฉินก็นำกลับมาใช้ได้ แต่คงใช้เป็นน้ำสำรองได้ 30%” นายวีรพงศ์กล่าว