เศรษฐกิจทรุด ฉุดกำลังซื้อรากหญ้าเงินน้อย ส่งตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหืดขึ้นคอเป็นปีที่ 2 ทั้งปีคาดโตได้เพียง 2-3% เท่านั้น หลัง 4 เดือนแรกโตเพียง 0.4% “มาม่า” อัดงบ 200 ล้านบาท ควง “อั้ม-พัชราภา” กระตุ้นยอดขาย หวังทั้งปีดันรายได้โต 4% ตามแผน
นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการรองผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปี 2558 คาดว่าจะโตเพียง 2-3% หรือมีมูลค่า 15,800 ล้านบาท ถือเป็นปีที่สองที่สถานการณ์ตลาดมีอัตราการเติบโตลดลง หลังจากปีก่อนโตเพียง 1.2-1.3% เท่านั้น ส่วนสำคัญมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อรากหญ้าซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลัก
“เมื่อรากหญ้ามีปัญหาเรื่องสินค้าทางเกษตร มีหนี้ครัวเรือน จึงส่งผลต่อสินค้ากลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตามไปด้วย โดยผลกระทบดังกล่างยังส่งต่อมายังช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมตลาดมีอัตราการเติบโตติดลบ 0.3% จากที่มองว่าจะโต 3%”
นายเวทิตกล่าวว่า ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปีนี้ถือว่าทรงตัว ส่วนสำคัญมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อรากหญ้าอย่างหนักซึ่งปีนี้ถือเป็นปีที่สองที่ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีอัตราการเติบโตน้อยที่สุดในรอบ 42 ปี จากปกติโตปีละ 5-6% จากปีก่อนหน้าโต 8% หลังภาวะน้ำท่วม โดยเคยเติบโตสูงสุดถึง 12% ซึ่งอัตราการเติบโตของตลาดถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับจีดีพีของประเทศ
ทั้งนี้ ยังพบด้วยว่ายังมีตลาดข้าวถุงอีกกลุ่มหนึ่งที่มีอัตราการเติบโตจาก 8-9% เหลือเพียง 1-2% เช่นเดียวกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซึ่งเป็นสินค้าที่มีฐานลูกค้าหลักเป็นกลุ่มรากหญ้าเช่นเดียวกันโดยหันไปซื้อข้าวสารชั่งกิโลกรัมขายแทน
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทฯ จึงได้มีการเพิ่มงบการตลาดขึ้นจากเดิมอีก 40 ล้านบาท ส่งผลให้ปีนี้ใช้งบการตลาดกว่า 200 ล้านบาท เน้นในส่วนของอะโบฟเดอะไลน์เป็นหลักในการกระตุ้นตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งปีนี้ยังถือเป็นปีแรกที่ “มาม่า” ใช้พรีเซ็นเตอร์คือ “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” และภายหลังที่ภาพยนตร์โฆษณาออกอากาศพบว่า ยอดขายที่ออกจากชั้นวางสินค้ามีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 12% แบ่งเป็น รสเย็นตาโฟหม้อไฟโตขึ้น 40% รสต้มยำกุ้งน้ำข้นโต 17% และรสต้มยำกุ้งโต 10%
นายเวทิตกล่าวต่อว่า ในส่วนของครึ่งปีหลังนี้มองว่าการแข่งขันของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะรุนแรงขึ้นซึ่งมีสัญญาณมาตั้งแต่ปลายปีก่อน ทุกแบรนด์จะมุ่งทำการตลาด ลด แลก แจก แถม และปรับตัวตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นปัจจัยหลักที่ยังทำให้ปีนี้ตลาดยังเติบโต ส่วนปัจจัยบวกด้านอื่นๆ นั้นยังมองไม่เห็น โดยรวมแล้วขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ในส่วนของ “มาม่า” ทั้งปีนี้คาดว่ายังจะมีอัตราการเติบโตที่ 4% หรือสามารถขยับส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นได้อีก 0.5% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 53% รองลงมาคือ “ไวไว” และ “ยำยำ” ที่มีส่วนแบ่งใกล้เคียงกันที่ 20%