เจโทรชวนนักลงทุนไทยไปลงทุนที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะธุรกิจด้านพลังงานทดแทน แฟชั่น ค้าปลีก และโรงแรม ระบุการลงทุนในญี่ปุ่นง่ายกว่าที่คิด ส่วนค่าแรงและค่าเช่าสำนักงานก็ต่ำกว่าสิงคโปร์ ฮ่องกง “กานต์” บิ๊กปูนซิเมนต์ไทยสบช่อง สนใจซื้อบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ญี่ปุ่น
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี แสดงปาฐกถาพิเศษในงาน Invest Japan Symposium in Bangkok ที่จัดโดยองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในประเทศญี่ปุ่น วันนี้ (27 พ.ค.) ว่า นับเป็นครั้งแรกที่เจโทรชักชวนนักลงทุนไทยให้เข้าไปลงทุนในประเทศญี่ปุ่น เพราะที่ผ่านมาไทยเป็นประเทศที่รับการลงทุนจากนักลงทุนญี่ปุ่นมาโดยตลอด โดยไทยมีการพัฒนาอุตสาหกรรมนานถึง 54 ปี ซึ่งกล่าวได้เลยว่าหากไม่มีนักลงทุนญี่ปุ่น เศรษฐกิจไทยคงไม่เจริญเหมือนปัจจุบันนี้
จากการเติบโตทางภาคอุตสาหกรรมและบริการ ทำให้นักลงทุนไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นและมีการสั่งสมเงินทุนมากพอที่จะไปลงทุนในต่างประเทศโดยใช้เงินกู้ไม่มาก เช่น การลงทุนในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา และพม่า ซึ่งรวมถึงการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนไทยได้เข้าไปลงทุนบ้างแล้ว
สำหรับธุรกิจที่น่าจะมีโอกาสลงทุนในประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ พลังงานทดแทน แฟชั่น ความงาม ค้าปลีก รวมถึงโรงแรม ห้างสรรพสินค้า เนื่องจากปัจจุบันคนไทยไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นมากขึ้นหลังไม่ต้องขอวีซ่า ดังนั้นธุรกิจการบริการน่าจะเป็นธุรกิจที่ไทยมีความพร้อมที่สุด ส่วนการลงทุนด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมนั้น เนื่องจากญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีที่สูงกว่าไทยและค่าแรงที่สูงกว่าจึงไม่น่าที่จะเข้าไปลงทุน
นายฮิโรยูคิ อิชิเงะ ประธานเจโทร กล่าวว่า จากเศรษฐกิจอาเบะโนมิกซ์ ประเทศญี่ปุ่นพยายามที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมายเพื่อเป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลกในการทำธุรกิจ รัฐบาลเตรียมปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 20% ในเร็วๆ นี้เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ อีกทั้งค่าแรงและค่าเช่าสำนักงานในญี่ปุ่นก็ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง ขณะเดียวกันญี่ปุ่นเป็นตลาดใหญ่ มีการอำนวยความสะดวกนักลงทุนไทย เพราะขณะนี้มีการจัดตั้งศูนย์วันสตอปเซอร์วิสไว้บริการ
ก่อนหน้านี้ไทยได้เข้าไปลงทุนในประเทศญี่ปุ่นด้านสื่อสาร โดยไอพี สตาร์ที่เข้าไปให้บริการเชื่อมต่อดาวเทียมบรอดแบนด์ และแฟชั่น โดยเปิดร้านเสื้อผ้า Sretsis เป็นต้น
สำหรับการลงทุนของไทยในญี่ปุ่น ปี 2557 ไทยเข้าไปลงทุนอันดับ 10 คิดเป็นวงเงินรวม 154 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่เข้าไปลงทุนในญี่ปุ่น โดยไทยเป็นรายที่ 5 ที่เจโทรเข้ามาแนะนำการเข้าไปลงทุนในญี่ปุ่น จากก่อนหน้านี้ได้เชิญชวนนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในญี่ปุ่น
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่นักลงทุนไทยจะเข้าไปลงทุนในญี่ปุ่นได้ง่ายกว่าที่คิด ทั้งค่าเช่าและค่าแรงถูกกว่าหลายประเทศในภูมิภาคนี้ รวมทั้งญี่ปุ่นจะลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงด้วย ซึ่งที่ผ่านมาไทยมีการลงทุนร้านอาหารในญี่ปุ่นกว่าพันแห่ง จึงมองว่าอาจไม่ใช่ธุรกิจที่น่าสนใจ แต่สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงแรม ห้างสรรพสินค้า น่าจะเป็นโอกาสที่ดี ดังนั้นจึงอยากให้บีโอไอเร่งแก้ไขกฎระเบียบเพื่อสนับสนุนนักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศได้ เช่น แก้ปัญหาภาษีซ้ำซ้อน เป็นต้น
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)(SCC) กล่าวว่า บริษัทได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมและเป็นผู้นำด้านธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน อาจจะต้องปรับแผนใหม่ไม่ใช่แค่มุ่งเน้นอาเซียนเท่านั้นแต่จะเพิ่มญี่ปุ่นด้วย โดยบริษัทฯ สนใจที่จะซื้อธุรกิจด้านเทคโนโลยีขนาดกลางในประเทศญี่ปุ่นด้วย หลังจากตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าซื้อกิจการด้านเทคโนโลยีจากหลายประเทศทั่วโลก
