“ม.ร.ว.ปรีดียาธร” เผยญี่ปุ่นสนใจร่วมลงทุนโครงการเศรษฐกิจพิเศษทวาย และพัฒนารถไฟความเร็วสูง 2 สาย พร้อมเสนอพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินในไทย พร้อมปัดการโยกย้ายนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ยันไม่เป็นไปตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด
ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลัง นายฮิโรโตะ อิซูมิ ที่ปรึกษาพิเศษของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเข้าเยี่ยมคารวะ โดยระบุว่า ได้มีการหารือเกี่ยวกับการร่วมลงทุนในโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยจะเป็นความร่วมมือของ 3 ประเทศ คือ ไทย พม่า และญี่ปุ่น โดยจะมีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้เดินทางไปเซ็นสัญญาด้วยตนเอง
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการระยะแรกจะครอบคลุมการลงทุนในสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยเริ่มจากอุตสาหกรรมบนพื้นที่ 27 ตารางกิโลเมตร มีถนนเชื่อมต่อโครงการทวาย มายังบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี หลังจากนั้นจึงสร้างโครงการขนาดใหญ่ เช่น โรงไฟฟ้า ท่าเรือขนาดเล็ก เป็นต้น
นอกจากนี้ ตัวแทนจากญี่ปุ่นยังได้แสดงความสนใจในการสร้างรถไฟความเร็วสูง 2 สาย ประกอบด้วย สายแหลมฉบัง-กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี-พุน้ำร้อน ซึ่งเป็นแผนระยะยาวในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร และสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ ที่เน้นเป็นรถไฟความเร็วสูง โดยญี่ปุ่นจะกลับไปทำแผนแบบละเอียดเพื่อกำหนดทิศทางการลงทุนอีกครั้งหนึ่ง
ม.ร.ว.ปรีดียาธร กล่าวว่า ต้องการให้มีการพูดคุยถึงแบบจำลองด้านการลงทุนก่อนว่าใครจะลงทุนในสัดส่วนเท่าใด เพราะมีเงินลงทุนจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะมีการพูดคุยในการประชุมครั้งถัดไป ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายนเพื่อหารือลงนามสัญญาในหลักการการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงทั้ง 2 สาย ขณะเดียวกัน ตัวแทนจากประเทศญี่ปุ่นได้เสนอพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไทย ซึ่งตรงนี้ไทยได้ขอพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียก่อน
ส่วนการลงทุนในมอเตอร์เวย์ 3 เส้นใหม่ บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา, บางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี และพัทยา-มาบตาพุดนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนการหารือว่าจะใช้งบจากรัฐ หรือเอกชน เนื่องจากกระทรวงคมนาคม เห็นว่าควรจะใช้เงินลงทุนจากภาคเอกชน ด้านกระทรวงการคลัง เห็นว่ารัฐควรลงทุนเองจะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า ซึ่งต้องหาข้อสรุปต่อไป
อย่างไรก็ดี ม.ร.ว.ปีดียาธร ยืนยันว่า ยังไม่มีการโยกย้าย นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด ส่วนปลัดกระทรวงอื่นๆ นั้นถือเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีประจำกระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป