กระทรวงพลังงานเร่งขับเคลื่อน 3 โครงการพลังงานทดแทน หวังสรุป มิ.ย.-ก.ค.นี้เพื่อให้เกิดการลงทุนครึ่งปีหลัง ทั้งการเปิดประมูล (Competitive Bidding) โซลาร์หน่วยราชการและสหกรณ์ และการแปรรูปจากขยะ พร้อมจับมือยูบีเอ็มจัดงาน RENEWABLE ENERGY ASIA 2015 ระหว่าง 3-6 มิ.ย. ที่ไบเทค บางนา โชว์เทคโนโลยีพลังงานทดแทนจาก 450 บริษัท 35 ประเทศทั่วโลกหนุนไทยฮับพลังงานทดแทน
นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในการแถลงข่าวการจัดงาน RENEWABLE ASIA 2015 ว่า กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางส่งเสริมพลังงานทดแทน ซึ่งจะชัดเจนภายใน มิ.ย.-ก.ค. 58 เพื่อให้เกิดเม็ดเงินการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ใน 3 โครงการสำคัญ ได้แก่ 1. การรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนรูปแบบการแข่งขันด้านราคา หรือ (Competitive Bidding) 2. การส่งเสริมผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ และ 3. การส่งเสริมการแปรรูปจากขยะเป็นไฟฟ้า น้ำมัน และความร้อน
“การรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนได้กำหนดอัตราการรับซื้อรูปแบบสะท้อนต้นทุนหรือ Feed in Tariff ซึ่งตามกรอบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้เห็นชอบที่จะกำหนดรูปแบบรับซื้อไว้ 2 ส่วน คือ 1. ที่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ก็ให้เปิดประมูล หรือ Compettive Bidding ก๊าซชีวมวล ก๊าซชีวภาพ ลม 2. พลังงานทดแทนพิเศษที่มีข้อจำกัดด้านภูมิศาสตร์ก็ไม่ต้องประมูล คือ ขยะ และน้ำ” นายทวารัฐกล่าว
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 โครงการข้างต้นจะต้องรอความชัดเจนในเรื่องของระบบส่งที่ทั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กระทรวงฯ และ 3 การไฟฟ้าอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อความชัดเจน ซึ่งการเปิดประมูลก็จะมีการกำหนดโซนนิ่งของระบบส่งเพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบ ส่วนการกำหนดให้ผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าหรือ PPA แล้วกำหนดจ่ายไฟเข้าระบบ (COD) ภายในสิ้นปีนี้นั้นจะมีการขยายเวลาต่อหรือไม่ก็คงจะต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง
สำหรับการจัดงาน RENEWABLE ENERGY ASIA 2015 กระทรวงฯ ได้สนับสนุนจัดงานมาเป็นปีที่ 5 ต่อเนื่อง เพราะมองว่าไทยมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน และมีความก้าวหน้าในการพัฒนาด้านนี้มากสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
นายพิชัย ถิ่นสันติสุข ประธานกลุ่มพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เม็ดเงินลงทุนด้านพลังงานทดแทนหากจะเกิดขึ้นชัดเจนครึ่งปีหลังปี 2558 คาดว่าจะเป็นในส่วนของโซลาร์เพราะเกิดขึ้นได้เร็วกว่าเมื่อรวมกับโครงการค้างท่อเดิม คาดว่าจะเกิดขึ้นได้ 1,000 เมกะวัตต์ คิดเป็นเงินประมาณ 60,000 ล้านบาท แต่ปี 2559 คาดว่าพลังงานทดแทนจะเป็นยุคทองอย่างแท้จริงเพราะคาดว่าโดยรวมจะก่อให้เกิดการลงทุนได้ไม่น้อยกว่า 2,000 เมกะวัตต์ ลงทุนไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท
นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานบริษัทยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า งานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-6 มิ.ย.นี้ ที่ไบเทค บางนา โดยงานดังกล่าวเป็นการแสดงสินค้าและเทคโนโลยีพลังงานทดแทนที่ใหญ่สุดในอาเซียน โดยปีนี้จะมีการแสดงนวัตกรรมล่าสุดจาก 450 บริษัท 35 ประเทศทั่วโลก 8 พาวิเลียมชั้นนำ ได้แก่ เยอรมนี อิสราเอล สาธารณรัฐเช็ก สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน และเกาหลี รวมถึงการนำเสนองานกว่า 100 หัวข้อจากบริษัทชั้นนำ