ส.อ.ท.แนะรัฐเร่งปฏิรูปขยะชุมชนหนุนให้เกิดการคัดแยกขยะไม่ใช่ทิ้งรวมกันเช่นทุกวันนี้เพื่อแก้ไขสิ่งแวดล้อม เผยเอกชนพร้อมที่จะลงทุนผลิตไฟจากขยะ คาดปี 2558-59 จะลงทุน 300 เมกะวัตต์ มูลค่า 4.5 หมื่นล้านบาท
นายเจน นำชัยศิริ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มพลังงานทดแทนจะมีบทบาทสำคัญที่จะเป็นหัวหอกส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้าจากขยะที่เอกชนต้องการเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญต่อการคัดแยกขยะชุมชนที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
“ที่ผ่านมาเราแก้ไขปัญหากันแบบไฟไหม้ฟาง พอขยะไฟไหม้ทีก็มาแก้ไขกันที รัฐน่าจะจัดงบประมาณมาทำเรื่องการคัดแยกขยะจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ปัญหานี้เราน่าจะปฏิรูปได้เสียทีแล้วเพราะปล่อยไว้ปัญหาจะบานปลาย” นายเจนกล่าว
นายพิชัย ถิ่นสันติสุข ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากนโยบายที่รัฐบาลปัจจุบันให้ความสำคัญขณะนี้ภาคเอกชนมีความพร้อมที่จะลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะตามนโยบายที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมฯ โดยคาดว่าระหว่างปี 2558-59 พร้อมที่จะลงทุน 300 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 45,000 ล้านบาท กำจัดขยะได้ปีละ 3 ล้านตัน ซึ่งหากเทศบาลใดไม่มีนักลงทุนขอให้แจ้งเข้ามา
“ถ้ารวมๆ ที่มีการลงทุนไปแล้วคิดว่าการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะก็น่าจะได้ 500 เมกะวัตต์หรือคิดตามที่มีปริมาณขยะเพียงพอรองรับ 24 ล้านตัน โดยการลงทุนก็เมกะวัตต์ละ 150 ล้านบาทเพราะต้องลงทุนโรงคัดแยกขยะ โรงกำจัดขยะ ภายใน 5ปีการลงทุนคงจะทยอยเข้ามาต่อเนื่อง แต่หลังจากนั้นศักยภาพก็จะลดลงตามปริมาณขยะที่เหลือกระจัดกระจายและพื้นที่ซึ่งเห็นว่ามีศักยภาพในการเป็นศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยมี 31 แห่งทั่วประเทศ” นายพิชัยกล่าว
นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป (CWT) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ลงนามกับ บ.โรเวซท์ จำกัด และ บ.ลาวี เอ็นจิเนียริ่ง (ประเทศไทย)จำกัด เพื่อรับจัดการขยะมูลฝอยชุมชนและนำมาฝังกลบมาปรับปรุงเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 3 แห่งทั่วประเทศกว่า 40 เมกะวัตต์ ลงทุนประมาณ 8,300 ล้านบาท และล่าสุดบอร์ดบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทลงทุนแหล่งขยะเป็นไฟฟ้าโครงการแรกจังหวัดในภาคเหนือ กำลังผลิตไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุน 1,468 ล้านบาท