เอออน ฮิววิท บริษัทที่ปรึกษาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ได้จัดงานประกาศรางวัล โครงการค้นหาสุดยอดนายจ้างดีเด่น ครั้งที่ 7 ประจำปี 2558 ขึ้น โดยในปีนี้ บริษัทในเครือของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ได้รับรางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่นประจำปี 2015 คือ บริษัท สเวนเซ่นส์ ไทย จำกัด, บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด (Sizzler Thailand) และ บริษัท เดอะ พิซซ่า คอมปะนี จำกัด ซึ่งบริษัท เดอะ พิซซ่า คอมปะนี จำกัด นั้น นอกจากจะได้รับรางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่นแล้ว ยังได้รางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่นประเภท Generation Y อีก 1 รางวัลด้วย โดยรางวัลนี้ เป็นรางวัลพิเศษที่มอบให้กับองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการดูแลพนักงาน Generation Y เพราะถือว่า Generation Y นั้น เป็นกลุ่มของพนักงานรุ่นใหม่ ที่จะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต เพื่อให้องค์กรได้เติบโตได้อย่างยั่งยืน และสำหรับซิซซ์เล่อร์นั้น ได้รับรางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่น จากเอออน ฮิววิท มาเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันแล้ว
โดย มร. จอห์น ไฮเน็คกี้ รองประธานบริหารบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ดกรุ๊ป มหาชน จำกัด (เดอะ พิซซ่า คอมปะนี) ได้กล่าวถึงรางวัลนี้ว่า “ถึงแม้บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จะเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านอาหาร แต่สิ่งที่ทำให้แบรนด์เติบโตได้นั้นคือคน ดังนั้น ธุรกิจของเรานั้นจริงๆ ก็คือการบริหารคน ไม่ใช่อาหาร ซึ่งธุรกิจด้านอาหารนั้น เป็นธุรกิจที่มีการตื่นตัวและมีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ หรือที่เราเรียกว่า Gen Y ซึ่งแบรนด์ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ก็ได้ให้อิสระกับพนักงาน ในการจัดการระบบงานของเขาได้ด้วยตัวเอง เรามีการจัดการอบรมต่างๆ ให้ และเปิดกว้างเพื่อให้พวกเขาได้สร้างความแตกต่างให้กับงานของบริษัท”
ทางด้านคุณปัทมาวลัย รัตนพล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและปฏิบัติการ ไมเนอร์ กรุ๊ป ได้กล่าวว่า “เพราะธุรกิจของเราคือธุรกิจของการบริการ ดังนั้นทรัพยากรที่สำคัญของเราจึงเป็นพนักงาน ความสำเร็จของบริษัทคือการที่บริษัทนั้นมีประสิทธิภาพ และการที่บริษัทจะมีประสิทธิภาพได้นั้น ต้องมาจากพนักงานที่มีคุณภาพ ซึ่งพนักงานของเรานั้น ก็ล้วนมีเป้าหมายที่ชัดเจน ว่าสิ่งที่เขาทำนั้น ทำไปเพื่ออะไร ซึ่งการวัดความสำเร็จของพนักงานั้น ก็จะมีความแต่งต่างกัน อย่างพนักงานในส่วนของการปฏิบัติการนั้น จะมีการวัดจากคุณภาพของอาหารและการบริการ แต่ในระดับที่ปรึกษานั้น จะวัดจากการตั้งเป้าความสำเร็จ การเข้าใจถึงเป้าหมายและยอดขายที่ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งในส่วนของบริษัท เดอะ พิซซ่า คอมปะนี นั้น ถือว่าเป็นบริษัทที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Y นั้น สนใจที่จะมาทำงานที่นี้ และก็ตรงกับโครงการพัฒนาบุคคลากรของเรา ที่เราเน้นการพัฒนาพนักงาน ซึ่งตรงกับความของการกับสิ่งที่ Gen Y ต้องการ ก็คือการให้อิสระกับเขาในการทำงาน ไม่เข้มงวดกับเขามากจนเกินไป ซึ่งจะทำให้เขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการบริหารคนในแต่ละรุ่น หรือแต่ละ Generation นั้น ก็จะมีความแตกต่างกันไป”
ทางด้านของคุณวสันต์ สินพิทักษ์สกุล ผู้ช่วยรองประธานบริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคล กล่าวว่า “ไมเนอร์มีหลักการในการบริหารคน จากการขับเคลื่อนผ่านวัฒนธรรมขององค์กร ซึ่งมีหลักว่า “Breaking the Boundary” นั้นก็คือ หลักการที่เชื่อว่าทุกๆอย่างนั้น สามารถทำให้เป็นไปได้ ไม่ว่าจะสิ่งนั้นจะยากแค่ไหน ซึ่งนับเป็นวัฒธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งมากของไมเนอร์ ผ่านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของเราโดยวิธีที่แยกออกได้ใหญ่ๆ 2 แบบคือ พนักงานหน้าร้าน และพนักงานในส่วนของออฟฟิต ซึ่งในส่วนของพนักงานหน้าร้านนั้น เราจะมีการฝึกอบรมเพื่อให้มีทักษะ มีความเชี่ยวชาญในหน้าที่ที่เขาทำ เมื่อเขาทำหน้าที่ของเขาได้อย่างดีแล้ว ก็จะส่งผลให้ลูกค้าของร้านต่างๆ ของไมเนอร์นั้น ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด และตัวพนักงานเองนั้น ก็จะได้เติบโตในสายงาน อย่างในส่วนของพนักงานในบริษัท ก็จะมีการจัดฝึกอบรมเช่นกัน แต่จะเน้นไปที่การสร้างภาวะความเป็นผู้นำ สร้างทักษะในเรื่องการคิด การตัดสินใจ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบุคคลากรในส่วนของบริษัท หรือหน้าร้าน ต่างก็จะถูกปลูกฝังให้เขามีวิธีการคิด และมีตัวชี้วัดถึงผลความสำเร็จอย่างชัดเจน และเขาจะรู้ว่า เขาต้องทำอย่างไรเพื่อให้เขาไปถึงจุดจุดนั้น ซึ่งก็จะสอดคล้องกับหลักการ 100% Customer Satisfaction ที่ทางผู้บริหารของไมเนอร์ คือ คุณพอล เคนนี่ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร หรือ CEO ของ The Minor Food Group ได้นำหลักนี้มาใช้กับไมเนอร์ตั้งแต่เริ่มแรก คือการลงมือปฏิบัติ โดยเน้นความพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งทำให้ลูกค้าวางใจในแบรนด์และสินค้าของไมเนอร์ ทำให้ลูกค้าวางใจว่า เราทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก และทำให้ลูกค้ากลับมาที่เรา เพราะเขาเชื่อใจในคุณภาพของเรา โดยจุดเด่นที่ฝ่าย HR ของไมเนอร์นั้น มีจุดเด่นมากกว่าที่อื่นคือ ความเชื่อว่า HR จะประสบความสำเร็จ ถ้า HR กับฝ่ายปฏิบัติการหน้าร้านสามารถทำงานสอดคล้องกันไปด้วยได้อย่างดีที่สุด ซึ่งจะต่างกับบริษัทอื่น และทั้งหมดจึงเป็นหลักการที่สอดคล้องกันไปทั้งระบบ จากการพัฒนาพนักงาน ไปสู่ความพอใจของลูกค้า และวนกลับมาที่ความสำเร็จของพนักงานเองโดยลูกค้านั้นได้รับความพึ่งพอใจและพนักงานก็ได้รับผลตอบแทนจากความตั้งใจในการทำงานและเติบโตไปพร้อมๆ กับไมเนอร์ได้”
โดยโครงการค้นหาสุดยอดนายจ้างดีเด่นของเอออน ฮิววิท นั้น นับเป็นโครงการที่มีผลต่อการดำเนินงานทางธุรกิจ หนึ่งในคุณลักษณะเด่นของการเป็นสุดยอดนายจ้างคือ การมีอัตราเพิ่มผลกำไรสูงกว่าบริษัทอื่นๆ ในตลาด ดังนั้น การผลักดันธุรกิจให้เป็นสุดยอดนายจ้างดีเด่นนั้น ไม่ใช่เป็นความท้าทายแค่สำหรับฝ่าย HR เท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรงอีกด้วย
โดย มร. จอห์น ไฮเน็คกี้ รองประธานบริหารบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ดกรุ๊ป มหาชน จำกัด (เดอะ พิซซ่า คอมปะนี) ได้กล่าวถึงรางวัลนี้ว่า “ถึงแม้บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จะเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านอาหาร แต่สิ่งที่ทำให้แบรนด์เติบโตได้นั้นคือคน ดังนั้น ธุรกิจของเรานั้นจริงๆ ก็คือการบริหารคน ไม่ใช่อาหาร ซึ่งธุรกิจด้านอาหารนั้น เป็นธุรกิจที่มีการตื่นตัวและมีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ หรือที่เราเรียกว่า Gen Y ซึ่งแบรนด์ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ก็ได้ให้อิสระกับพนักงาน ในการจัดการระบบงานของเขาได้ด้วยตัวเอง เรามีการจัดการอบรมต่างๆ ให้ และเปิดกว้างเพื่อให้พวกเขาได้สร้างความแตกต่างให้กับงานของบริษัท”
ทางด้านคุณปัทมาวลัย รัตนพล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและปฏิบัติการ ไมเนอร์ กรุ๊ป ได้กล่าวว่า “เพราะธุรกิจของเราคือธุรกิจของการบริการ ดังนั้นทรัพยากรที่สำคัญของเราจึงเป็นพนักงาน ความสำเร็จของบริษัทคือการที่บริษัทนั้นมีประสิทธิภาพ และการที่บริษัทจะมีประสิทธิภาพได้นั้น ต้องมาจากพนักงานที่มีคุณภาพ ซึ่งพนักงานของเรานั้น ก็ล้วนมีเป้าหมายที่ชัดเจน ว่าสิ่งที่เขาทำนั้น ทำไปเพื่ออะไร ซึ่งการวัดความสำเร็จของพนักงานั้น ก็จะมีความแต่งต่างกัน อย่างพนักงานในส่วนของการปฏิบัติการนั้น จะมีการวัดจากคุณภาพของอาหารและการบริการ แต่ในระดับที่ปรึกษานั้น จะวัดจากการตั้งเป้าความสำเร็จ การเข้าใจถึงเป้าหมายและยอดขายที่ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งในส่วนของบริษัท เดอะ พิซซ่า คอมปะนี นั้น ถือว่าเป็นบริษัทที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Y นั้น สนใจที่จะมาทำงานที่นี้ และก็ตรงกับโครงการพัฒนาบุคคลากรของเรา ที่เราเน้นการพัฒนาพนักงาน ซึ่งตรงกับความของการกับสิ่งที่ Gen Y ต้องการ ก็คือการให้อิสระกับเขาในการทำงาน ไม่เข้มงวดกับเขามากจนเกินไป ซึ่งจะทำให้เขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการบริหารคนในแต่ละรุ่น หรือแต่ละ Generation นั้น ก็จะมีความแตกต่างกันไป”
ทางด้านของคุณวสันต์ สินพิทักษ์สกุล ผู้ช่วยรองประธานบริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคล กล่าวว่า “ไมเนอร์มีหลักการในการบริหารคน จากการขับเคลื่อนผ่านวัฒนธรรมขององค์กร ซึ่งมีหลักว่า “Breaking the Boundary” นั้นก็คือ หลักการที่เชื่อว่าทุกๆอย่างนั้น สามารถทำให้เป็นไปได้ ไม่ว่าจะสิ่งนั้นจะยากแค่ไหน ซึ่งนับเป็นวัฒธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งมากของไมเนอร์ ผ่านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของเราโดยวิธีที่แยกออกได้ใหญ่ๆ 2 แบบคือ พนักงานหน้าร้าน และพนักงานในส่วนของออฟฟิต ซึ่งในส่วนของพนักงานหน้าร้านนั้น เราจะมีการฝึกอบรมเพื่อให้มีทักษะ มีความเชี่ยวชาญในหน้าที่ที่เขาทำ เมื่อเขาทำหน้าที่ของเขาได้อย่างดีแล้ว ก็จะส่งผลให้ลูกค้าของร้านต่างๆ ของไมเนอร์นั้น ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด และตัวพนักงานเองนั้น ก็จะได้เติบโตในสายงาน อย่างในส่วนของพนักงานในบริษัท ก็จะมีการจัดฝึกอบรมเช่นกัน แต่จะเน้นไปที่การสร้างภาวะความเป็นผู้นำ สร้างทักษะในเรื่องการคิด การตัดสินใจ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบุคคลากรในส่วนของบริษัท หรือหน้าร้าน ต่างก็จะถูกปลูกฝังให้เขามีวิธีการคิด และมีตัวชี้วัดถึงผลความสำเร็จอย่างชัดเจน และเขาจะรู้ว่า เขาต้องทำอย่างไรเพื่อให้เขาไปถึงจุดจุดนั้น ซึ่งก็จะสอดคล้องกับหลักการ 100% Customer Satisfaction ที่ทางผู้บริหารของไมเนอร์ คือ คุณพอล เคนนี่ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร หรือ CEO ของ The Minor Food Group ได้นำหลักนี้มาใช้กับไมเนอร์ตั้งแต่เริ่มแรก คือการลงมือปฏิบัติ โดยเน้นความพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งทำให้ลูกค้าวางใจในแบรนด์และสินค้าของไมเนอร์ ทำให้ลูกค้าวางใจว่า เราทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก และทำให้ลูกค้ากลับมาที่เรา เพราะเขาเชื่อใจในคุณภาพของเรา โดยจุดเด่นที่ฝ่าย HR ของไมเนอร์นั้น มีจุดเด่นมากกว่าที่อื่นคือ ความเชื่อว่า HR จะประสบความสำเร็จ ถ้า HR กับฝ่ายปฏิบัติการหน้าร้านสามารถทำงานสอดคล้องกันไปด้วยได้อย่างดีที่สุด ซึ่งจะต่างกับบริษัทอื่น และทั้งหมดจึงเป็นหลักการที่สอดคล้องกันไปทั้งระบบ จากการพัฒนาพนักงาน ไปสู่ความพอใจของลูกค้า และวนกลับมาที่ความสำเร็จของพนักงานเองโดยลูกค้านั้นได้รับความพึ่งพอใจและพนักงานก็ได้รับผลตอบแทนจากความตั้งใจในการทำงานและเติบโตไปพร้อมๆ กับไมเนอร์ได้”
โดยโครงการค้นหาสุดยอดนายจ้างดีเด่นของเอออน ฮิววิท นั้น นับเป็นโครงการที่มีผลต่อการดำเนินงานทางธุรกิจ หนึ่งในคุณลักษณะเด่นของการเป็นสุดยอดนายจ้างคือ การมีอัตราเพิ่มผลกำไรสูงกว่าบริษัทอื่นๆ ในตลาด ดังนั้น การผลักดันธุรกิจให้เป็นสุดยอดนายจ้างดีเด่นนั้น ไม่ใช่เป็นความท้าทายแค่สำหรับฝ่าย HR เท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรงอีกด้วย