“MyBagSpa” สบช่องลูกค้ากระเป๋าหนักไม่มีเวลาดูแลสินค้าแบรนด์เนม จับมือผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์สไตล์อเมริกันคลาสสิก ผลิตตู้โชว์เพื่อเก็บรักษาสินค้าแบรนด์เนมโดยเฉพาะ ใช้งบ 20 ล้านบาทจัดกิจกรรมตลาด พร้อมจัด Luxury Display ในห้างดังระดับพรีเมียมย่านสุขุมวิท หวังทำยอดเบื้องต้น 300 ใบในสิ้นปี ก่อนโหมขยายตลาดต่างประเทศ
น.ส.รณันธร พลชาติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แบ็ค รีพับลิค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจการทำความสะอาด รักษา ตลอดจนฟื้นฟูสภาพและสีเครื่องหนัง ประเภทกระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับต่างๆ ให้ลูกค้าระดับไฮเอนด์และผู้นิยมการใช้สินค้าแบรนด์เนมภายใต้ชื่อ “MyBagSpa” เปิดเผยว่า การดำเนินงานในประเทศไทยถือเป็นลำดับที่ 5 ของโลก นอกเหนือจากบริษัทแม่ที่ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยล่าสุดเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศเวียดนาม และกำลังจะเปิดที่ประเทศกาตาร์ภายในปี 2558
บริษัทฯ เปิดดำเนินการในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2555 ล่าสุดมีสาขา 3 แห่งที่เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล พลาซา และคริสตัลพาร์ค พลาซา มีฐานลูกค้าสมาชิกประมาณ 1 หมื่นราย แบ่งเป็นลูกค้าระดับไฮเอนด์ รวมถึงดาราและเซเลบริตี ประมาณ 30% และลูกค้าทั่วไป 70% โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ลูกค้านำมาใช้บริการคือกระเป๋า 60% และรองเท้า 40%
ล่าสุดบริษัทฯ ร่วมมือกับ บริษัท โปรมาร์เก็ตติ้ง โฮม แอนด์ เด็คคอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์สไตล์อเมริกันคลาสสิก แบรนด์ “McMichael Furniture” เพื่อพัฒนาและผลิตตู้โชว์ หรือ “คาบิเน็ต” (Cabinet) ในการเก็บรักษาและยืดอายุการใช้งานสินค้าแบรนด์เนมเป็นครั้งแรกของโลกภายใต้ชื่อ “MyBagCabinet” เพื่อเจาะตลาดลูกค้าผู้นิยมสินค้าแบรนด์เนมโดยเฉพาะ
จากประสบการณ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ มากว่า 3 ปีพบว่า ประเทศไทยต้องประสบปัญหาด้านการเก็บรักษาสินค้าเหล่านี้มากกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากสภาพอากาศที่มีความร้อนชื้น ส่งผลต่อคุณภาพและรูปลักษณ์ของสินค้ามีการเปลี่ยนสภาพไปค่อนข้างเร็วกว่า เช่น กระเป๋าที่เสียทรงอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ได้ รวมถึงปัญหาเชื้อราและกลิ่นอับอันเกิดจากความชื้น ตลอดจนสีของหนังที่ไม่สดสวยเหมือนเดิม
“การพัฒนา MyBagCabinet ถือเป็นการตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยปัจจัยของคุณภาพและฟังก์ชันการใช้งาน หรือเน้นการสะสมเป็นหลัก แต่มักจะไม่มีเวลาในการบำรุงรักษาด้วยตัวเอง จึงถือเป็นช่องทางและโอกาสทางการตลาดที่น่าจะเติบโตได้จากกระแสความนิยมในสินค้าลักชัวรีที่มีมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท ทั้งยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง” น.ส.รณันธรกล่าว
น.ส.รณันธรกล่าวอีกว่า MyBagSpa มีฐานลูกค้าที่นิยมและเห็นคุณค่าของกระเป๋า หรือแอ็กเซสซอรีต่างๆ เป็นจำนวนมาก จึงคิดว่าจะสามารถต่อยอด โดยการนำเสนอให้ลูกค้าเห็นว่าการมี MyBagCabinet จะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสินค้าเหล่านี้ได้มาก ขณะเดียวกัน McMichael ก็มีฐานลูกค้าที่นิยมเฟอร์นิเจอร์สไตล์นี้อยู่แล้ว การเพิ่มฟังก์ชันในการเป็นคาบิเน็ตสำหรับเก็บรักษากระเป๋า จึงเป็นเสมือนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี
“บริษัทฯ ตั้งเป้าการจัดจำหน่ายในปีแรกประมาณ 300 ใบ หรือประมาณ 20 ล้านบาท พร้อมเพิ่มรายได้ให้บริษัทฯ ประมาณ 10-20% โดยในช่วงสิ้นปี 2558 จะมีการพัฒนารูปแบบใหม่ๆ สำหรับการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น รองเท้า หมวก และเครื่องประดับต่างๆ พร้อมเพิ่มกำลังผลิตขึ้นอีก 2-3 เท่าในปีต่อๆ ไป”
บริษัทฯ ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาทในการทำการตลาดผ่านสิ่งพิมพ์และโซเชียลมีเดีย รวมถึงโชว์รูมของ McMichael และ MyBagSpa ตลอดจนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่างๆ ในระดับนานาชาติ โดยล่าสุดได้ร่วมงาน TIFF 2015 เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าชาวต่างชาติเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์แบบเจาะกลุ่มโดยเฉพาะในลักษณะการจัดกิจกรรมจิบน้ำชาภายในโรงแรมระดับห้าดาว หรือโชว์รูมของบริษัทฯ เพื่อเชิญลูกค้าระดับวีไอพีประมาณ 20 รายมาร่วมพูดคุยถึงผลิตภัณฑ์ การบำรุงรักษา ตลอดจนการสัมผัสกับผลิตภัณฑ์จริงแบบใกล้ชิด โดยคาดว่าจะจัดประมาณ 2-3 ครั้งภายในปี 2558
“ปัจจุบันบริษัทฯ มีโชว์รูมสินค้า ณ อาคาร SC Place ถ.รัชดาภิเษก โดยในช่วงครึ่งปีหลังมีแผนการจัด Luxury Display ภายในเซ็นทรัล เวิลด์ และห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมียมย่านสุขุมวิท พร้อมกันนั้นยังจะเริ่มขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเน้นประเทศที่มีสาขาของ MyBagSpa และฐานลูกค้าอยู่แล้ว เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น” น.ส.รณันธรกล่าวในที่สุด