ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยมั่นใจเศรษฐกิจโลกปี 58 ช่วยเพิ่มยอดขายโตขึ้น 7% จาก 5.6 พันล้านบาท เสนอรัฐเร่งดันไทยเป็นเมืองท่าปลอดภาษี พร้อมผุดโครงการ Land of Jewel ควบคู่ Land of Smile หวังล่อใจนักท่องเที่ยวต่างชาติจับจ่ายเพิ่มขึ้น ชี้เพียงกระตุ้นนักท่องเที่ยว 1% จากทั้งหมดเพิ่มการซื้อ มีส่วนช่วยทำรายได้เข้าประเทศมหาศาล
นายสุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้ เจมส์ จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับรายใหญ่ เปิดเผยว่า ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับ (รวมทองคำ) ในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาท แยกเป็นทองคำ 1.8 หมื่นล้านบาท ส่วนอัญมณีประเภทต่างๆ เช่น เพชร พลอย ไพลิน ทับทิม และอื่นๆ มีมูลค่าประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตลาดโลกมีมูลค่ารวมสูงถึง 4 แสนล้านบาท
อัญมณีและเครื่องประดับเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 3 (ไม่รวมรายได้จากภาคการท่องเที่ยวและส่งออก) ถือเป็นรองเพียงอุตสาหกรรมรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ซึ่งทำรายได้สูงสุด ตามด้วยอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ โดยเชื่อว่ามีโอกาสที่จะทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในอนาคตอันใกล้ หากผู้ประกอบการภาคเอกชนและภาครัฐร่วมกันพิจารณาแนวทางและมาตรการส่งเสริม พร้อมเร่งการพัฒนาในประเทศไทยอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมมากขึ้น
นายสุริยนกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ประเทศไทยจะยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับรายใหญ่และมีมาตรฐานฝีมือการผลิตดีที่สุดในระดับโลก แต่ปัจจุบันหลายๆ ประเทศเริ่มมีการส่งเสริมและพัฒนาอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วงชิงโอกาสในการขยายตลาดส่งออกเพื่อนำรายได้เข้าประเทศ โดยเฉพาะจีนซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนงบประมาณแก่ภาคเอกชนเป็นจำนวนสูงถึง 2 หมื่นล้านบาทในการสร้างโรงงานภายในประเทศ ขณะที่ญี่ปุ่นก็สนับสนุนให้มีการประกอบธุรกิจในลักษณะ SMEs มากขึ้น
แนวทางหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้อัญมณีและเครื่องประดับสามารถทำรายได้เข้าประเทศมากขึ้นคือการเร่งพัฒนาให้ประเทศไทยมีลักษณะเป็นเมืองท่าปลอดภาษี หรือ Free Port เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในฐานะหน่วยงานภาครัฐควรมีการผลักดันโครงการ Amazing Thailand ให้ประเทศไทยเป็น Land of Jewel ควบคู่กับ Land of Smile
“หากสามารถทำให้โครงการเกิดผลได้จริง โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 1% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดในแต่ละปีกว่า 20 ล้านคนที่ซื้ออัญมณีและเครื่องประดับไทย ย่อมหมายถึงจำนวนเงินมหาศาล เพราะปริมาณการซื้อแต่ละครั้งมีมากกว่า 1 ชิ้นและแต่ละชิ้นมีราคาค่อนข้างสูง” นายสุริยนกล่าวเสริม
นายสุริยนกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2557 สามารถทำรายได้ 5.6 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7% โดยบริษัทฯ ถือเป็นผู้ส่งออกหลักด้วยสัดส่วน 95% และจำหน่ายผ่านหน้าร้านในประเทศ 5% โดยมีตลาดส่งออกสำคัญคือ สหรัฐอเมริกา 45% ญี่ปุ่น 18% ยุโรป 18% กลุ่มประเทศอาเซียน 7% ประเทศไทย 7% และกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและอื่นๆ 5%
อย่างไรก็ตาม หากรวมธุรกิจในเครือจำนวน 33 บริษัทใน 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจประกันภัย และธุรกิจสันทนาการ มีรายได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าในปี 2558 จะยังสามารถรักษาอัตราเติบโต 7% ได้เช่นเดิม เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายด้าน โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามีทิศทางปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องและส่งผลให้ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่วนตลาดญี่ปุ่นก็คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงตลาดอาเซียนที่จะรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจในช่วงปลายปี