สนข.ชง ครม.เร่งตั้ง กก.บริหารตั๋วร่วม เดินหน้ากำหนดอัตราค่าโดยสาร พร้อมเจรจา BTS, BMCL ลดค่าแรกเข้า และค่าธรรมเนียมเชื่อมระบบ วางบัตรล็อตแรกแสนใบนำร่องทดลองใช้ ก.พ. 59 ไม่มีค่ามัดจำ
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังประชุมเผยแพร่ “ภาพรวมโครงการระบบบริหารจัดการรายได้กลาง” (Overview of Central Clearing House) โครงการระบบตั๋วร่วมว่า ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้ประกอบการระบบขนส่งมวลชน ระบบขนส่งสาธารณะ ธนาคารและร้านค้าต่างๆ มารับฟังแนวทางการพัฒนาโครงการ พร้อมทั้งเป็นการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาระบบตั๋วให้สอดคล้องกับบริการที่มีและบริการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากแต่ละผู้ประกอบการจะมีโปรโมชันที่แตกต่างกัน ดังนั้น ที่ปรึกษาระบบตั๋วร่วมจะต้องรับข้อมูลเพื่อนำไปออกแบบ และเชื่อมระบบให้มีความสะดวกในการให้บริการมากที่สุด
ทั้งนี้ ตามเป้าหมายกลุ่มบีเอสวี (BSV) ประกอบด้วย BTS, บริษัท สมาร์ททราฟฟิค จำกัด และบริษัท วิกซ์ โมบิลิตี้ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House : CCH) ระบบตั๋วร่วมจะต้องออกแบบและเชื่อมต่อการใช้งานให้แล้วเสร็จเพื่อนำร่องให้บริการในเดือน ก.พ. 2559 โดยจะเริ่มใช้งานได้ที่ระบบทางด่วน รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ส่วนรถไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าใต้ดินMRT นั้น ขณะนี้จะต้องมีการเจรจาในส่วนของการปรับปรุงระบบและซอฟต์แวร์กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS วงเงินลงทุนประมาณ90 ล้านบาท และบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL วงเงินลงทุนประมาณ 80 ล้านบาท ว่าใครจะเป็นผู้ลงทุน หากเอกชนลงทุนเองจะคิดค่าใช้จ่ายคืนในรูปแบบใดและเท่าไร ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) จะใช้ตั๋วร่วมได้ทันทีเมื่อเปิดให้บริการ รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดงด้วย
นายพีระพลกล่าวว่า ขณะนี้ สนข.ได้ส่งเรื่องความคืบหน้าการพัฒนาระบบตั๋วร่วมไปยังกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อรับทราบและพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ซึ่งจะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน รวมทั้งการจัดตั้งบริษัทบริหารจัดการและบำรุงรักษาระบบ (Common Ticketing Company หรือ CTC โดยคณะกรรมการบริหารตั๋วร่วมจะกำหนดนโยบายเรื่องโครงสร้างอัตราค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียมการใช้ (Transaction Fee) เพื่อนำนโยบายต่างๆ ไปเจรจากับผู้ประกอบการ เพื่อจัดทำเป็นโครงสร้างค่าโดยสารระบบตั๋วร่วมขนส่งมวลชน รวมถึงจะพิจารณาเรื่องค่าแรกเข้าในการใช้ระบบรถไฟฟ้า BTS, MRT, แอร์พอร์ตเรลลิงก์ ซึ่งนโยบายที่ต้องการอำนวยความสะดวกในการใช้บัตรใบเดียวใช้บริการได้ทุกระบบ แต่รถไฟฟ้ามีเงื่อนไขในสัญญาสัมปทาน ซึ่งขณะนี้ สนข.เสนอไว้ 2 แนวทาง คือ เก็บค่าแรกเข้าครั้งเดียวในการเดินทาง 1 ครั้งกี่ระบบก็ได้ หรือให้ส่วนลดค่าแรกเข้าในการเข้าใช้ระบบที่ 2, 3 เป็นต้น โดยรัฐจะต้องเข้าไปอุดหนุนในรูปแบบต่างๆ เช่น ขยายระยะเวลาสัมปทาน หรือให้สิทธิในการพัฒนา เป็นต้น
โดยในเดือน ก.พ. 2559 ระบบจะแล้วเสร็จซึ่งได้เตรียมบัตรจำนวน 100,000 ใบเพื่อเริ่มใช้ทดลองโดยไม่มีค่ามัดจำ (บัตรมีต้นทุนผลิตใบละ 50 บาท อายุใช้งาน 4-5 ปี ความจุ 8K) คาดว่าจะทดลอง 2-3 เดือนระบบจะเสถียร คาดว่าช่วงแรกจะมีผู้ใช้ตั๋วร่วมประมาณ 3 แสนใบ หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% ของผู้ถือบัตรเติมเงินจากจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า BTS, MRT และแอร์พอร์ตลิงก์ ที่มีกว่า 1 ล้านคนต่อวัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการเชื่อมการใช้บัตรกับร้านค้าต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ทางผู้บริหารบริษัทเรือด่วนเจ้าพระยาได้สอบถามถึงการเชื่อมต่อกับเรือโดยสาร ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาท่าเทียบเรือกับกรมเจ้าท่า โดยจะมีการใช้ระบบตั๋วอัตโนมัติเริ่มในเดือน ส.ค. 2558 ซึ่งระบบตั๋วร่วมยังพัฒนาไม่เสร็จ ส่วนรถไฟนั้นถือเป็นการเดินทางระยะไกล จึงจะมีการพัฒนาในระยะต่อไปและต้องใช้เวลาในการแก้ระบบจัดเก็บค่าโดยสารใหม่ทั้งหมดอีกด้วย