xs
xsm
sm
md
lg

ขายตรงชี้เศรษฐกิจหนักกว่าแชร์ยูฟัน “กิฟฟารีน” ชะลอลงทุน มุ่งต่างประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ภคพรรณ ลีวุฒินันท์” นายกสมาคมการขายตรงไทย  [แฟ้มภาพ]
ASTVผู้จัดการรายวัน - “นายกสมาคมการขายตรงฯ” ยันปัญหาแชร์ลูกโซ่ “ยูฟัน” ไม่กระเทือนขายตรง ย้ำปัญหาเศรษฐกิจแย่กว่าอีก ด้าน “กิฟฟารีน” ชะลอลงทุนผุดสำนักงานที่เชียงราย พร้อมหันหัวรบขยายต่างประเทศเพิ่มลุยอินโดนีเซียปลายปีนี้

นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ นายกสมาคมการขายตรงไทย เปิดเผยถึงกรณีปัญหาแชร์ลูกโซ่ของบริษัท ยูฟัน ที่เป็นข่าวในขณะนี้ว่า เรื่องนี้ถือว่าต้องชมภาครัฐที่เข้ามาจัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนและจริงจัง แต่ปัญหาดังกล่าวไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรกับวงการขายตรงมากนักซึ่งเท่าที่ทราบรู้สึกว่าจะมีอีก 2 บริษัทที่จะมีปัญหานี้ แต่ที่สำคัญกว่าคือปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ

ในส่วนของสมาคมฯ มีหน้าที่ในการให้ความรู้และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับวงการขายตรงและจะต้องทำการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคมากขึ้นว่า ขายตรงที่ดีและถูกต้องเป็นอย่างไร พร้อมจะมีการออกสื่อดิจิตอลด้วยในเร็วๆ นี้ และจะต้องเดินสายมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา

“สิ่งที่จะช่วยป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้คือกฎหมายขายตรงที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการซึ่งหากทำสำเร็จจะช่วยได้มาก โดยที่ผ่านมาสมาคมฯ มีการทำงานร่วมกับ สคบ. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้กฎหมายขายตรงเกิดขึ้นหลังจากที่ทำกันมานานแล้ว ล่าสุดสมาคมฯ มีการให้ข้อมูลต่างๆ เพิ่มในการประชุมร่วมกับภาครัฐ เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา” นางภคพรรณ กล่าวในที่สุด

ด้าน นายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดอาวุโส บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมขายตรงช่วงไตรมาสแรกปีนี้มีการเติบโต 3-5% มูลค่าตลาดรวมกว่า 70,000 ล้านบาท จากช่วงปรกติจะเติบโตเฉลี่ย 7% เนื่องจากกำลังซื้อยังฟื้นกลับคืนมาไม่มากนัก รวมทั้งเศรษฐกิจก็เพิ่งเริ่มกระเตื้อง ยังไม่กลับไปถึงจุดเดิม โดยในส่วนของบริษัทฯ ไตรมาสแรกเติบโต 9%

จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้บริษัทฯ ปรับแผนธุรกิจใหม่โดยจะชะลอการลงทุนสร้างสำนักงานสาขาที่จังหวัดเชียงรายออกไปอย่างน้อย 1 ปี มูลค่าลงทุน 40 ล้านบาท พื้นที่ 1 ไร่ รวมทั้งจะลดงบโฆษณาทางสื่อทีวีเพื่อนำไปไช้ในสื่อดิจิตอลเป็นหลักและเน้นเรื่องกิจกรรมจัดงานเอ็กซ์โปมากขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยตั้งเป้าหมายรายได้ 5,900 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีรายได้ 5,400 ล้านบาท คิดเป็นรายได้จากต่างประเทศ 200 ล้านบาทต่อปี

ขณะเดียวกันจะขยายธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้นจากเดิมที่มีใน 4 ประเทศคือ กัมพูชา 1 สาขา เมียนมาร์ 1 สาขา ลาว 1 สาขา และมาเลเซีย 3 สาขา โดยภายในไตรมาสที่สี่ปีนี้จะขยายเข้าประเทศอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่ 5 โดยเป็นการร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่นจัดตั้งบริษัท พีที กิฟอินโด จำกัด เพื่อรุกตลาดขายตรง เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่มีประชากรมากกว่า 600 ล้านคน และคนอินโดนีเซียก็ให้การยอมรับเชื่อมั่นและรู้จักกับแบรนด์สินค้าของประเทศไทยเป็นอย่างดี




กำลังโหลดความคิดเห็น