กระทรวงอุตสาหกรรมโชว์ผลงานในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา (12 ก.ย.-12 มี.ค. 58) ออกใบอนุญาตต่างๆ ทั้ง รง.4 การใช้ที่ดินในนิคมฯ ประทานบัตร ฯลฯ ก่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนอัดฉีดสู่ระบบไทยไม่น้อยกว่า 5.7 แสนล้านบาท ตั้งเป้าหมายตลอดปี 2558 จะสร้างเม็ดเงินได้กว่า 1 ล้านล้านบาท
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดแถลงถึงผลงานในรอบ 6 เดือนของกระทรวงอุสาหกรรมภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ตลอด 6 เดือน (12 ก.ย. 57-12 มี.ค. 58) กระทรวงฯ ได้มีการพิจารณาใบอนุญาตต่างๆ ในหน่วยงานภายใต้สังกัดประมาณ 6,000 ฉบับ ก่อให้เกิดการลงทุนไม่น้อยกว่า 5.7 แสนล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้แผนการดำเนินงานของกระทรวงฯ จะก่อให้เกิดเม็ดเงินที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยระดับกว่า 1,000,000 ล้านบาท
สำหรับ 6 เดือนที่ผ่านมามีการปรับปรุงขั้นตอนการอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) ด้วยการลดขั้นตอนลงจาก 90 วันเหลือ 30 วันจนทำให้เกิดการอนุญาตประกอบกิจการใหม่และขยายโรงงานทั้งสิ้น 2,528 ราย เกิดการลงทุน 228,900 ล้านบาท จ้างงาน 92,938 คน และคาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมีอนุญาตประกอบกิจการโรงงานเพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดการลงทุนรวมได้ระดับ 600,000 ล้านบาท
การอนุญาตการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่กำกับดูแลโดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ที่มีการอนุญาตใช้ที่ดิน 134 คำขอ แจ้งประกอบกิจการ 215 คำขอ เงินลงทุน 219,900 ล้านบาท จ้างคนงาน 3,225 คน และอนุญาตขยายโรงงาน 65 คำขอ เงินลงทุน 78,620 ล้านบาท จ้างคนงาน 3,923 คน จนถึงสิ้นปีมีแนวโน้มที่จะมีการพิจารณาเพิ่มเติมและเงินลงทุนจะอยู่ในระดับ 400,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาขออนุญาตประทานบัตรและอาชญาบัตรสำหรับผู้ประกอบการเหมืองแร่ลดจาก 97 วันเหลือ 45 วัน มีการออกใบอนุญาตประทานบัตร ต่ออายุประทานบัตร อาชญาบัตร โอนประทานบัตรแล้วจำนวน 188 แปลง มูลค่า 238,541 ล้านบาท เกิดการลงทุนมูลค่า 43,646 ล้านบาท และเกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง 467,044 ล้านบาท
การพิจารณาอนุญาตออกใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) จากเดิม 46 วันลดลงเหลือ 26 วันทำการ มีการออกใบอนุญาต มอก. 2,873 ฉบับเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและช่วยสร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้าไทย
“ผมคงไม่ให้คะแนนตัวเองเพราะทั้งหมดเกิดขึ้นได้เพราะความร่วมมือของข้าราชการเป็นสำคัญ คงต้องให้คะแนนทีมงาน 9 เต็ม 10 แต่หากถามความพอใจก็ต้องถามคนใช้บริการจากภาคเอกชนและประชาชนเป็นสำคัญ” นายจักรมณฑ์กล่าว
