แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย เผยผลการวิจัย Human Revolution ในรอบปีที่ผ่านมาแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ Generation Baby Boomer มีอายุระหว่าง 44-62 ปี, Generation X มีอายุระหว่าง 31-50 ปี และกลุ่ม Generation Y มีอายุระหว่าง 12-30 ปี แบ่งออกได้เป็น 3 ประเด็น 1. ความสนใจ พฤติกรรม และทัศนคติ 2. การเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ AEC 3. สามารถเป็นแนวทางให้กลุ่มองค์กรในเรื่องการวางแผนกำลังคนให้แก่พนักงาน ทางด้านความพร้อมรับ AEC Baby Boomer อ่อนแอเรื่องภาษา และไอทีที่สุด ในขณะที่ Gen Y และ Gen X มีความกระตือรือร้นในการตั้งรับ และมีทักษะภาษา และไอทีอยู่ในเกณฑ์ดี
นางสาวสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป กล่าวว่า จากผลการวิจัย Human Revolution ในรอบปีที่ผ่านพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ Generation Baby Boomer มีอายุระหว่าง 44-62 ปี, Generation X มีอายุระหว่าง 31-50 ปี และกลุ่ม Generation Y มีอายุระหว่าง 12-30 ปี ในการแบ่งกลุ่มดังกล่าว วัตถุประสงค์เพื่อเรียนรู้ความสนใจในพฤติกรรม และทัศนคติของกลุ่มแรงงาน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ประเด็นหลักๆ คือ 1. ความสนใจ พฤติกรรม และทัศนคติ ที่มีต่อการเข้าทำงานของกลุ่มคนใน Generation ต่างๆ ประกอบไปด้วย เป้าหมายในชีวิต, ลักษณะสภาพแวดล้อม และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเข้าร่วมงาน 2. การเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ AEC จากผลการวิจัย เป้าหมายของ Gen X และ Gen Y มีความคิดเห็นที่เหมือนกัน คือ มองว่าองค์กรต้องมีความมั่นคง ต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี และผลตอบแทนที่เหมาะสม สุดท้ายคือ โอกาส และความก้าวหน้าที่ได้รับจากองค์กร ในขณะที่ Baby Boomer ที่ทำงานในองค์กรมานานอยู่ในช่วงก่อนเกษียณ ต้องการ โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ตามมาด้วยความมั่นคงขององค์กร, ค่าตอบแทน และสวัสดิการที่เหมาะสม 3. สามารถเป็นแนวทางให้กลุ่มองค์กรในเรื่องการวางแผนกำลังคนให้แก่พนักงาน เพื่อรับทราบความคิดของบุคลากรในการขับเคลื่อนองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน
Gen Y และ Gen X คาดหวังด้านสภาพแวดล้อมที่สะอาด มีระเบียบ ทันสมัย ค่าจ้างเหมาะสมกับเวลางาน ลักษณะงานที่ชัดเจน แตกต่างจาก Baby Boomer ที่ต้องการสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ต้องการสิทธิประโยชน์ เช่น สวัสดิการของตนเอง และครอบครัว ใน Gen นี้ให้ความสำคัญต่อสวัสดิการมากกว่าค่าจ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้ง 3 Gen มีสอดคล้องกัน คือ ค่าจ้างที่เหมาะสม
นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่สอดคล้องกันทั้ง 3 Gen คือ 1.การมีส่วนร่วม ได้รับการยอมรับ 2.ต้องการความก้าวหน้า และโอกาสได้เรียนรู้ 3.นโยบายการบริหารขององค์กร 4.ลักษณะงาน 5.ค่าตอบแทน ซึ่งปัจจัยที่จูงใจให้ Gen Y และ Gen X เข้าร่วมงานกับองค์กร คือ การให้อิสระในการคิดริเริ่มงานได้เอง การได้เป็น Project Owner ซึ่ง Gen Y ชอบการปรับปรุงสิ่งต่างๆ ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมและการพัฒนาตนเอง และส่งเสริมการเรียนรู้ Gen X ต้องการองค์กรที่เข้าใจบทบาท และเป้าหมายของบริษัท องค์กรที่ใส่ใจในเรื่องความก้าวหน้า
นอกจากนี้ เรื่องที่ทั้ง 2 Gen เห็นในทิศทางเดียวกันคือ เรื่องของค่าตอบแทน และสวัสดิการ การปรับเงินเดือนประจำปีตามผลของงาน ในขณะที่ Baby Boomer ต้องการลักษณะงานที่ตรงกับที่เรียนมา และตรงกับสายงานนั้นๆ ต้องการองค์กรที่รับฟังความคิดเห็น และพร้อมนำไปปรับใช้ในองค์กร โอกาสในการได้พิสูจน์การทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนของค่าตอบแทน และสวัสดิการนั้น Baby Boomer สนใจในเรื่องสวัสดิการมาเป็นอันดับหนึ่ง
ในด้านการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของ 3 Gen เป้าหมายในการทำงานของ 3 Gen มีความสอดคล้องกัน นั่นคือ การได้ทำงานในองค์กรที่มั่นคง ค่าตอบแทนยุติธรรม และได้รับโอกาสในการพัฒนา และความก้าวหน้าที่ชัดเจน ในส่วนที่แตกต่างกันระหว่าง 3 Gen คือ Gen Y มีการเตรียมความพร้อมสูงสุด ถึงกระนั้น Gen Y อ่อนประสบการณ์ในการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา ไอที เป็นต้น Gen X มีการตั้งรับในการเรียนรู้ และการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล มีการค้นคว้า และพัฒนาทักษะเพิ่ม ในขณะที่ Baby Boomer มีการเตรียมความพร้อม และมั่นใจในเรื่องของการปรับตัวให้เข้ากับ คนที่หลากหลาย องค์กรที่หลากหลาย แต่มีการเตรียมพร้อมในเรื่องภาษาอังกฤษน้อยมาก ถึงขั้นติดลบ นางสาวสุธิดากล่าวสรุป
นางสาวสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป กล่าวว่า จากผลการวิจัย Human Revolution ในรอบปีที่ผ่านพบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ Generation Baby Boomer มีอายุระหว่าง 44-62 ปี, Generation X มีอายุระหว่าง 31-50 ปี และกลุ่ม Generation Y มีอายุระหว่าง 12-30 ปี ในการแบ่งกลุ่มดังกล่าว วัตถุประสงค์เพื่อเรียนรู้ความสนใจในพฤติกรรม และทัศนคติของกลุ่มแรงงาน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ประเด็นหลักๆ คือ 1. ความสนใจ พฤติกรรม และทัศนคติ ที่มีต่อการเข้าทำงานของกลุ่มคนใน Generation ต่างๆ ประกอบไปด้วย เป้าหมายในชีวิต, ลักษณะสภาพแวดล้อม และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเข้าร่วมงาน 2. การเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ AEC จากผลการวิจัย เป้าหมายของ Gen X และ Gen Y มีความคิดเห็นที่เหมือนกัน คือ มองว่าองค์กรต้องมีความมั่นคง ต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี และผลตอบแทนที่เหมาะสม สุดท้ายคือ โอกาส และความก้าวหน้าที่ได้รับจากองค์กร ในขณะที่ Baby Boomer ที่ทำงานในองค์กรมานานอยู่ในช่วงก่อนเกษียณ ต้องการ โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ตามมาด้วยความมั่นคงขององค์กร, ค่าตอบแทน และสวัสดิการที่เหมาะสม 3. สามารถเป็นแนวทางให้กลุ่มองค์กรในเรื่องการวางแผนกำลังคนให้แก่พนักงาน เพื่อรับทราบความคิดของบุคลากรในการขับเคลื่อนองค์กรไปในทิศทางเดียวกัน
Gen Y และ Gen X คาดหวังด้านสภาพแวดล้อมที่สะอาด มีระเบียบ ทันสมัย ค่าจ้างเหมาะสมกับเวลางาน ลักษณะงานที่ชัดเจน แตกต่างจาก Baby Boomer ที่ต้องการสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ต้องการสิทธิประโยชน์ เช่น สวัสดิการของตนเอง และครอบครัว ใน Gen นี้ให้ความสำคัญต่อสวัสดิการมากกว่าค่าจ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้ง 3 Gen มีสอดคล้องกัน คือ ค่าจ้างที่เหมาะสม
นอกจากนั้นแล้ว สิ่งที่สอดคล้องกันทั้ง 3 Gen คือ 1.การมีส่วนร่วม ได้รับการยอมรับ 2.ต้องการความก้าวหน้า และโอกาสได้เรียนรู้ 3.นโยบายการบริหารขององค์กร 4.ลักษณะงาน 5.ค่าตอบแทน ซึ่งปัจจัยที่จูงใจให้ Gen Y และ Gen X เข้าร่วมงานกับองค์กร คือ การให้อิสระในการคิดริเริ่มงานได้เอง การได้เป็น Project Owner ซึ่ง Gen Y ชอบการปรับปรุงสิ่งต่างๆ ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมและการพัฒนาตนเอง และส่งเสริมการเรียนรู้ Gen X ต้องการองค์กรที่เข้าใจบทบาท และเป้าหมายของบริษัท องค์กรที่ใส่ใจในเรื่องความก้าวหน้า
นอกจากนี้ เรื่องที่ทั้ง 2 Gen เห็นในทิศทางเดียวกันคือ เรื่องของค่าตอบแทน และสวัสดิการ การปรับเงินเดือนประจำปีตามผลของงาน ในขณะที่ Baby Boomer ต้องการลักษณะงานที่ตรงกับที่เรียนมา และตรงกับสายงานนั้นๆ ต้องการองค์กรที่รับฟังความคิดเห็น และพร้อมนำไปปรับใช้ในองค์กร โอกาสในการได้พิสูจน์การทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนของค่าตอบแทน และสวัสดิการนั้น Baby Boomer สนใจในเรื่องสวัสดิการมาเป็นอันดับหนึ่ง
ในด้านการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของ 3 Gen เป้าหมายในการทำงานของ 3 Gen มีความสอดคล้องกัน นั่นคือ การได้ทำงานในองค์กรที่มั่นคง ค่าตอบแทนยุติธรรม และได้รับโอกาสในการพัฒนา และความก้าวหน้าที่ชัดเจน ในส่วนที่แตกต่างกันระหว่าง 3 Gen คือ Gen Y มีการเตรียมความพร้อมสูงสุด ถึงกระนั้น Gen Y อ่อนประสบการณ์ในการหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา ไอที เป็นต้น Gen X มีการตั้งรับในการเรียนรู้ และการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล มีการค้นคว้า และพัฒนาทักษะเพิ่ม ในขณะที่ Baby Boomer มีการเตรียมความพร้อม และมั่นใจในเรื่องของการปรับตัวให้เข้ากับ คนที่หลากหลาย องค์กรที่หลากหลาย แต่มีการเตรียมพร้อมในเรื่องภาษาอังกฤษน้อยมาก ถึงขั้นติดลบ นางสาวสุธิดากล่าวสรุป