“พาณิชย์” สแกนพื้นที่พัทยา พบธุรกิจส่อเป็นนอมินีคนต่างชาติ 7 รายจากที่ตรวจ 43 ราย เรียกตรวจสอบเอกสารยืนยันความเป็นเจ้าของธุรกิจแล้ว หากพบผิดมีโทษคุก 3 ปี ปรับ 1 แสนถึง 1 ล้าน หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมส่งดีเอสไอจัดการต่อ เตรียมลงพื้นที่ตรวจเกาะสมุย ภูเก็ต หัวหิน เชียงใหม่คิวต่อไป
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้กรมฯ ได้ร่วมกับกรมการท่องเที่ยว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำรวจท่องเที่ยว ลงพื้นที่ตรวจสอบธุรกิจท่องเที่ยวในพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยพบว่ามีธุรกิจที่เข้าข่ายเป็นตัวแทนอำพราง (นอมินี) ให้คนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจสงวนของคนไทย จำนวน 7 ราย จากทั้งหมด 43 รายที่ได้เข้าไปตรวจสอบ ซึ่งเป็นธุรกิจนำเที่ยว 2 ราย และธุรกิจอื่นๆ 5 ราย
ทั้งนี้ กรมฯ ได้แจ้งให้ผู้ประกอบธุรกิจทั้ง 7 รายได้รับทราบแล้ว และได้ขอให้จัดส่งเอกสารหลักฐานยืนยันการประกอบธุรกิจ และการเป็นเจ้าของธุรกิจมาให้กรมฯ พิจารณา โดยล่าสุดบางรายได้ส่งเอกสารหลักฐานมาให้แล้ว แต่บางรายยังไม่ส่ง ซึ่งกรมฯ จะส่งหนังสือแจ้งเตือนให้ส่งเอกสารหลักฐานอีกครั้ง หากไม่ส่งก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
“เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วก็จะมีการตรวจสอบเชิงลึกเพื่อดูว่าเป็นธุรกิจของคนไทยจริงหรือไม่ ถ้าไม่เป็นก็ยังสามารถทำธุรกิจได้ตามปกติ แต่ถ้าพบว่ามีความผิดโดยเจตนาเป็นนอมินีให้กับคนต่างชาติ ก็จะมีความผิดฐานสนับสนุนหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเข้ามาทำธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย มีความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสนถึง 1 ล้าน หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 1-5 หมื่นบาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน”
อย่างไรก็ตาม หากเห็นว่าการเข้ามาทำธุรกิจของคนต่างด้าวมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของคนไทย และมีผลต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ก็จะส่งเรื่องต่อให้ดีเอสไอดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า ภาพรวมของการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าผู้ประกอบการในพัทยามีความตื่นตัว และให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเป็นอย่างดี แต่กรมฯ ไม่ได้วางใจหรือนิ่งนอนใจแต่อย่างใด โดยได้จัดทีมเจ้าหน้าที่ร่วมให้คำแนะนำด้านกฎหมายที่จำเป็นต้องรู้ และการปฏิบัติตามกฎหมายที่ถูกต้องแก่ผู้ประกอบธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้เกิดการใช้ตัวแทนอำพรางในการดำเนินธุรกิจอีก
นอกจากนี้ กรมฯ ยังมีแผนที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบการเป็นนอมินีในธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีก โดยล่าสุดกำลังตรวจสอบที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจากนั้นจะตรวจสอบที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดเชียงใหม่ตามลำดับ