xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” เซ็น MOU ร่วม 3 หน่วยงานรัฐ ผนึกกำลังป้องกันต่างชาติใช้นอมินีทำธุรกิจท่องเที่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“พาณิชย์” ลงนามเอ็มโอยูร่วมกับ 3 หน่วยงาน ป้องกันและแก้ปัญหาต่างชาติจ้างคนไทยเป็นนอมินีแอบทำธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เตรียมทำแผนปฏิบัติการตรวจสอบร่วมกัน เตือนคนไทยที่เป็นนอมินีมีโทษหนัก คนต่างชาติก็โดนด้วย เผยปี 57 ส่งธุรกิจนอมินีให้ดีเอสไอตรวจสอบต่อแล้ว 7 ราย

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพในการแก้ไขปัญหาคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างชาติในธุรกิจด้านการท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตประกอบธุรกิจตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จึงได้มอบหมายกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นหน่วยงานหลักดำเนินงานตามนโยบายของ ท.ท.ช. โดยได้ร่วมมือกับสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมการท่องเที่ยว และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จัดตั้งคณะทำงาน และร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน โดยมีกรอบความร่วมมือ 4 ด้าน คือ ด้านการจดทะเบียนและการอนุญาตประกอบธุรกิจ ด้านการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูล ด้านการกำกับดูแลและป้องปราม และด้านการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว

สำหรับขอบเขตความร่วมมือในส่วนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในด้านการรับจดทะเบียนนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว กรมฯ จะรับจดทะเบียนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวได้จากกรมการท่องเที่ยวก่อน ส่วนรายใดที่ยังไม่ได้รับการอนุญาตจากกรมการท่องเที่ยวก็จะยังไม่รับจดทะเบียนให้ และกรมฯ ยังจะแลกเปลี่ยนข้อมูลการจดทะเบียน ผู้ถือหุ้น รวมทั้งข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจที่อาจมีพฤติกรรมนอมินี ให้แต่ละหน่วยงานใช้เป็นฐานข้อมูลตรวจสอบและดำเนินการด้วย

ขณะเดียวกัน คณะทำงานแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากทั้ง 4 หน่วยงานจะร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการ และตรวจสอบในพื้นที่เป้าหมายร่วมกัน รวมถึงสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพของผู้ประกอบธุรกิจให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

“ขอเตือนคนไทยที่ให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว จะมีความผิดทั้งคนไทยและคนต่างด้าว โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000-1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000 บาท” นางอภิรดีกล่าว

น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า หลังจากการลงนามร่วมกันแล้ว ทั้ง 4 หน่วยงานจะร่วมกันตรวจสอบธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ภัตตาคาร ร้านอาหาร ธุรกิจสปา บริษัทนำเที่ยว ผู้นำเที่ยว (ไกด์) รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีความเสี่ยงจะเข้าข่ายมีนอมินี โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ เช่น ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ เชียงราย ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น

“ในปัจจุบันทั้ง 4 หน่วยงานยังต่างคนต่างตรวจสอบเอง ทำให้การทำงานซ้ำซ้อน และภาคธุรกิจอาจจะเบื่อหน่ายที่มีการตรวจสอบซ้ำหลายครั้ง แต่การลงนามในเอ็มโอยูจะทำให้ทั้ง 4 หน่วยงานสามารถออกตรวจสอบได้พร้อมกัน ทุกวันนี้พบนอมินีในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มมากขึ้น อย่างไกด์ ที่ตรวจพบมีไกด์ต่างชาติเข้ามาทำงานในไทยด้วย ถือว่าผิดกฎหมายไทย แต่คงตรวจสอบแบบเงียบๆ เพราะถ้าตรวจเจาะจง ผู้ประกอบการที่ทำผิด อย่างอาชีพไกด์ ก็อาจทิ้งลูกทัวร์ได้”

สำหรับแนวทางในการตรวจสอบร่วมกัน ในเบื้องต้นจะเน้นการตรวจสอบบริษัทที่มีความเสี่ยง เช่น มีผู้ถือหุ้นเป็นต่างชาติ ซึ่งต้องตรวจสอบว่าถือหุ้นไม่เกินสัดส่วนที่กำหนดที่ 49.99% หรือไม่ ถ้าไม่เกินต้องดูต่อไปอีกว่ามีอำนาจการบริหารจัดการภายในบริษัท และมีสิทธิในการออกเสียงมากกว่าผู้ถือหุ้นคนไทยที่มีสัดส่วนการถือหุ้น 51% หรือไม่ ถ้ามีมากกว่าก็อาจเข้าข่ายเป็นนอมินี โดยที่ผ่านมากรมฯ ได้สุ่มตรวจสอบนอมินีในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่ามีหลายรายเข้าข่ายนอมินี และส่งให้ดีเอสไอตรวจสอบต่อแล้ว ทั้งนี้ ในปี 2557 กรมฯ ได้ส่งให้ดีเอสไอตรวจสอบนอมินีแล้ว 7 ราย มีทั้งที่อยู่ในธุรกิจค้าที่ดิน บริษัทนำเที่ยว ที่ จ.เชียงราย เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น