xs
xsm
sm
md
lg

ฉลาดเลือกเครื่องปรับอากาศ ช่วยทั้งคลายร้อน แถมสบายกระเป๋า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฉลาดเลือกเครื่องปรับอากาศ ช่วยทั้งคลายร้อน แถมสบายกระเป๋า

ทุกวันนี้ อากาศบ้านเรามีแต่จะทวีความร้อนขึ้นตลอดเวลา แค่แสงแดดโดนผิวยังรู้สึกแสบร้อนจนทำให้แทบไม่อยากจะไปไหนมาไหน ถ้าเป็นไปได้ขออยู่บ้านดูรายการโปรดพร้อมเปิดเครื่องปรับอากาศรับสายลมเย็นฉ่ำช่วยคลายร้อนคงจะดีไม่น้อย อย่างไรก็ตาม หลายคนคงวิตกกังวลกับตัวเลขในบิลค่าไฟฟ้าที่อาจพุ่งทะยานสูงขึ้น แอลจี อีเลคทรอนิคส์ มีเคล็ดลับดีๆ ในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับการคลายร้อน โดยควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้

อากาศเย็นฉ่ำแถมสบายกระเป๋า
ปัจจัยหลักข้อแรกที่ควรคำนึงถึง คือ การประหยัดพลังงาน ยิ่งช่วงหน้าร้อนแล้ว เรามักจะเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศถี่ขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟปรับสูงขึ้นตามไปด้วย ทุกวันนี้มีเทคโนโลยีดีๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงานอย่าง “อินเวอร์เตอร์” ซึ่งจะสร้างประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่างจากเครื่องปรับอากาศทั่วไป เนื่องจากเครื่องปรับอากาศแบบทั่วไปจะใช้ระบบการทำงานแบบเปิด-ปิด เมื่ออุณหภูมิภายในห้องปรับถึงค่าที่ตั้งไว้ ระบบจะทำการตัดไฟอัตโนมัติและจะเปิดใช้งานอีกครั้งเมื่อต้องมีการปรับอุณหภูมิใหม่ แต่เครื่องปรับอากาศที่ทำงานด้วยเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์จะมีตัวควบคุมความเร็วและการเปลี่ยนรอบกำลังไฟฟ้าตามสภาพใช้งานจริงและไม่มีการตัดกำลังไฟเมื่ออุณหภูมิปรับถึงค่าที่ตั้งไว้ แต่จะรักษาระดับการทำงานและอุณหภูมิให้คงที่ ช่วยให้ความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเคย

เมื่อเครื่องปรับอากาศมีระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ สิ่งที่ตามมาคืออัตราการใช้พลังงานที่ลดลง ช่วยให้ค่าใช้จ่ายลดตามไปด้วย ด้วยเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ใหม่ในเครื่องปรับอากาศของแอลจีที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ “แอคทีฟ เอนเนอร์จี คอนโทรล” ช่วยให้สามารถประหยัดพลังงานได้สูงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ผู้ใช้งานสามารถเลือกควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศได้ถึงสี่ระดับโดยยังคงรักษาความเย็นไว้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เมื่อเลือกใช้งานระดับที่หนึ่งหรือ “Normal Mode” เครื่องปรับอากาศจะให้ความเย็นเต็มที่ แต่ยังประหยัดพลังงานมากกว่าเครื่องปรับอากาศทั่วไปที่ไม่ใช้ระบบอินเวอร์เตอร์ เมื่อเลือกระดับที่สอง “80% Power Saving” จะช่วยประหยัดพลังงานสูงขึ้นร้อยละ 20 สำหรับระดับที่สาม “60% Power Saving” จะประหยัดพลังงานขึ้นร้อยละ 40 และระดับที่สี่ “40% Power Saving” สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้สูงถึงร้อยละ 60 ด้วยขั้นตอนทั้งสี่ขั้นตอนนี้ รับรองว่าผู้ใช้งานจะเปิดใช้เครื่องปรับอากาศในช่วงหน้าร้อนได้อย่างสบายใจและไม่ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายภายในบ้าน

ผู้บริโภคยังสามารถศึกษาอัตราการประหยัดค่าไฟฟ้าได้โดยดูจากฉลาก SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) หรือ ฉลากกำหนดระดับประสิทธิภาพโดยวัดจากประสิทธิภาพการทำงานตามฤดูกาลจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยฉลาก SEER จะเป็นตัวช่วยชี้วัดว่าเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์แต่ละรุ่นสามารถมอบประสิทธิภาพแห่งการประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายได้เท่าไร ยกตัวอย่างเช่น เมื่อซื้อเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์ขนาด 18,000 บีทียู มาในราคา 43,900 บาท ซึ่งอาจมีราคาสูงกว่าเครื่องปรับอากาศแบบทั่วไป แต่เมื่อดูจากฉลาก SEER แล้วจะพบว่าเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์นี้สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 12,837 บาทต่อปีเลยทีเดียว

นอกจากนี้แล้ว แอลจียังขอแนะนำให้เลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่มาพร้อมน้ำยาแอร์ R410A ซึ่งเป็นสารทำความเย็นตระกูล Hydro Fluoro Carbon (HFC) แตกต่างจากสารทำความเย็นแบบทั่วไปเนื่องจากมีประสิทธิภาพใน
การแลกเปลี่ยนความร้อนที่ดี แถมยังใช้น้ำยาน้อยกว่าน้ำยาปกติ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังไม่ทำลายชั้นโอโซนและไม่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนอีกด้วย

ทำงานเงียบไม่กวนใจ
ผู้คนส่วนใหญ่นิยมติดตั้งเครื่องปรับอากาศในห้องสำหรับทำกิจกรรมหลักต่างๆ ภายในบ้าน เช่น ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น โดยเฉพาะห้องนอนซึ่งเป็นห้องที่มีการเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศติดต่อกันนานที่สุด โดยอาจเปิดใช้งานติดต่อกันนานถึง 8 ชั่วโมงตามระยะเวลาการนอน ดังนั้นปัจจัยอีกข้อหนึ่งที่ผู้ใช้งานไม่ควรมองข้ามคือ การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่มาพร้อมกับระบบการทำงานที่เงียบสนิท ไม่ส่งเสียงดังรบกวนช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนในแต่ละวัน ด้วยเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ วี จากแอลจี มอบระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศที่ทำงานด้วยเสียงเพียง 19 เดซิเบลเท่านั้น สมาชิกในบ้านจึงสามารถนอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบายและเต็มอิ่มมากขึ้น

เลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม
ในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศแต่ละครั้ง ควรคำนึงถึงขนาดของเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับขนาดของห้องที่จะทำการติดตั้ง ยกตัวอย่างเช่น ควรเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 บีทียูสำหรับห้องที่มีขนาด 12-14 ตารางเมตร ขนาด 12,000 บีทียูสำหรับห้องขนาด 16-20 ตารางเมตร ขนาด 18,000 บีทียูสำหรับห้องขนาด 20-28 ตารางเมตร และขนาด 24,000 บีทียูสำหรับห้องขนาด 32-40 ตารางเมตร เป็นต้น หากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดบีทียูสูงหรือต่ำเกินไปจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานเกินกว่าที่จำเป็น นอกจากขนาดของห้องแล้ว ยังควรคำนึงถึงจำนวนและขนาดของหน้าต่างภายในห้อง ทิศทางที่แดดส่อง และจำนวนคนที่ใช้งานในห้อง แล้วจึงเลือกขนาดของบีทียูให้เหมาะสม เพื่อการใช้งานเครื่องปรับอากาศที่เต็มประสิทธิภาพ

ด้วยเคล็บลับง่ายๆ เพียงเท่านี้ รับรองว่าคุณจะสบายตัวสบายใจตลอดซัมเมอร์นี้อย่างแน่นอน




กำลังโหลดความคิดเห็น