ร่วมทุนกาแฟ “ดอยช้าง” ต่อยอดธุรกิจกาแฟครบวงจรผ่าน 200 ช่องทางจำหน่ายในเครือ “สิงห์ คอร์ปอเรชั่น” เร่งวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่จากกาแฟ by DOI CHAANG ทั้งในส่วนของบอดี้แคร์และสกินแคร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สารต้านอนุมูลอิสระ พร้อมเพิ่มช่องรายได้จากเครื่องชงกาแฟชนิดแคปซูล โหมตลาด Horeca และโรงแรม 5 ดาว หวังรายได้ปีแรก 200 ล้านบาท ก่อนขยับเป็น 1 พันล้านบาทใน 3 ปี
นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจยุคปัจจุบันจำเป็นต้องมีพันธมิตรธุรกิจเพื่อให้บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยในส่วนของสิงห์ คอร์ปอเรชั่น ยังคงมุ่งนโยบายการทำรายได้ระหว่างกลุ่มแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์ให้อยู่ในสัดส่วน 50:50 ภายใน 3 ปี
ล่าสุดได้มอบหมายให้บริษัทในเครือคือ บริษัท วราฟู้ดส์แอนด์ดริงค์ จำกัด ร่วมทุนกับ บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด ผู้ผลิตกาแฟ “ดอยช้าง” ในการจัดตั้ง บริษัท ดีวีเอส 2014 จำกัด ด้วยเงินทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาทในสัดส่วน 50:50 เพื่อดำเนินธุรกิจขยายช่องทางจัดจำหน่ายกาแฟ “ดอยช้าง” ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเบื้องต้นจัดงบประมาณการตลาดและการดำเนินธุรกิจประมาณ 200 ล้านบาท พร้อมกำหนดรายได้ภายในปี 2558 ประมาณ 200 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1 พันล้านบาทภายใน 3 ปี
ทางด้าน นายเทิดศักดิ์ เกียรติสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท วราฟู้ดส์แอนด์ดริงค์ จำกัด ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีวีเอส 2014 จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท วราฟู้ดส์ฯ ดำเนินธุรกิจส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารการเกษตรและเครื่องดื่มมานานกว่า 33 ปี ล่าสุดมีรายได้ประมาณ 1.6 พันล้านบาท และคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 2 พันล้านบาทภายใน 3 ปี
ในส่วนของการจัดตั้งบริษัท ดีวีเอส 2014 จำกัด มีแผนจะขยายตลาดกาแฟ “ดอยช้าง” ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่การเพิ่มผลผลิตกาแฟและขยายพื้นที่เพาะปลูกกาแฟ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากกาแฟ ตลอดจนการนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในช่องทางค้าปลีกของ “สิงห์ คอร์ปอเรชั่น” กว่า 200 จุดจำหน่ายผ่านบริษัทในเครือคือ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท บุญรอดเอเซียเบเวอเรช จำกัด
“บริษัทฯ มีแผนขยายตลาดผลิตภัณฑ์กาแฟ โดยเน้นโรงแรม 5 ดาว รวมถึงเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และตลาด Horeca มากขึ้น นอกจากนั้น ภายในเดือน พ.ค.-ส.ค. ศกนี้ ยังจะเพิ่มช่องทางรายได้ด้วยการจำหน่ายเครื่องชงกาแฟชนิดแคปซูล หรือ Coffee Capsule ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากประเทศอิตาลี เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการบริโภคกาแฟสดในเวลาอันจำกัด และมีราคาถูกกว่าเครื่องชงกาแฟสดทั่วไป โดยตั้งเป้าหมายว่าจะทำยอดขายได้ประมาณ 2 พันเครื่องในปี 2558”
นายเทิดศักดิ์กล่าวด้วยว่า ภายใน 6-12 เดือนนับจากนี้บริษัทฯ ยังจะต่อยอดการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเมล็ดกาแฟในรูปแบบใหม่ๆ ภายใต้ชื่อแบรนด์ by DOI CHAANG เช่น ผลิตภัณฑ์น้ำมันจากกาแฟทั้งในส่วนของบอดี้แคร์และสกินแคร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สารต้านอนุมูลอิสระที่สกัดสารสีแดงจากเมล็ดกาแฟสด (Super Fruit)
ทางด้าน นายพิษณุชัย แก้วพิชัย ประธานที่ปรึกษา บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการเพาะปลูกเมล็ดกาแฟประมาณ 3 หมื่นไร่บนพื้นที่ 16 ดอยในจังหวัดเชียงราย คิดเป็นผลผลิตประมาณ 6-7 พันตันต่อปี มีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศประมาณ 50% ทั้งยังมีการส่งออกปีละประมาณ 100 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนากาแฟ “ดอยช้าง” ให้เป็น King of Northern Arabica
ในส่วนของร้านกาแฟ “ดอยช้าง” ปัจจุบันมีทั้งในประเทศและต่างประเทศประมาณ 100 สาขา แบ่งเป็นในประเทศ 20 สาขา จีน 24 สาขา มาเลเซีย 12 สาขา สิงคโปร์ ลาว และพม่า ประเทศละ 1 สาขา นอกจากนั้นยังมีแผนเปิดสาขาในประเทศเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และจีนเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ เป็นผู้ลงทุนเอง สาขาละประมาณ 1.3-3 ล้านบาท