“ฉัตรชัย” ย้ำโทษ 2 ข้าราชการมีทางเลือกไม่มาก เผยหาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าทุจริตต้องให้ออกสถานเดียว แต่ถ้าผิดวินัยร้ายแรงมีทางเลือกปลดออกหรือไล่ออก เตรียมเคาะเองสัปดาห์หน้า ยันไม่มีตั้งธงหลังข่าวหลุด
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวจะมีการให้ออก 2 ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ในคดีทุจริตการขายข้าวในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ว่า เรื่องนี้กระทรวงฯ ยังไม่ได้ดำเนินการ เพราะหนังสือชี้มูลความผิดจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพิ่งส่งเรื่องมาที่กระทรวงเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2558 ซึ่งจะต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อกพ.) กระทรวงพาณิชย์ ภายใน 30 วัน หรือภายในวันที่ 21 มี.ค. 2558 แต่ตนจะเรียกประชุมภายในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ แนวทางในการพิจารณามีทางเลือกไม่มาก ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.แล้ว โดยหากชี้ว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตก็ต้องยึดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2536 ต้องให้ออกเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าไม่มีการทุจริต แต่มีความผิดวินัยร้ายแรง มีโทษคือ ปลดออก หรือไล่ออก ซึ่งจะอยู่ในดุลพินิจของ อกพ.กระทรวงพาณิชย์ที่จะพิจารณา
“ที่มีข่าวออกมาก่อนไม่ได้หมายความว่ามีการตั้งธงเอาไว้ล่วงหน้า อยู่ที่ อกพ.กระทรวงฯ จะพิจารณา ไม่มีการชี้นำ แต่ได้เน้นย้ำให้การพิจารณาเป็นไปอย่างรอบคอบ และเป็นธรรม” พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้รับหนังสือชี้มูลความผิดกรณีการขายข้าวจีทูจีของรัฐบาลก่อน โดยได้กล่าวโทษรวม 21 ราย ประกอบด้วย นักการเมือง 3 ราย ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และพันตรี วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขาธิการ รมว.พาณิชย์, ข้าราชการ 3 ราย คือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการกองความร่วมมือการค้าและการลงทุน และเอกชน 15 ราย
โดยเมื่อได้รับหนังสือแล้วได้มีการหารือกันในเบื้องต้นพบว่า หากพิจารณาตามข้อกล่าวหาจาก ป.ป.ช. กระทรวงพาณิชย์ต้องดำเนินการเอาผิด 2 ข้าราชการที่ถูกกล่าวหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยหนังสือ ป.ป.ช.ชี้ว่ามีความผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งมีความผิดให้ดำเนินการ คือ ปลดออก หรือไล่ออกเท่านั้น โดยโทษปลดออกจะเป็นโทษที่เบากว่า เพราะยังสามารถได้รับสิทธิต่างๆ เช่น บำเหน็จ บำนาญ แต่หากมีมติให้ไล่ออก ก็จะไม่สามารถได้รับสิทธิใดๆ เลย