“พาณิชย์” เสนอนายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยกระดับการส่งออกเป็นวาระแห่งชาติ ยันไม่ลดเป้าส่งออกปีนี้ 4% แม้หลายหน่วยงานลดแล้ว พร้อมเดินหน้าดันการค้าชายแดนไทย-เพื่อนบ้านปีนี้ให้ได้ 1.5 ล้านล้านบาท เผย “ฉัตรชัย” เตรียมถกห้างสัปดาห์หน้า ขอความร่วมมือลดต้นทุนให้ผู้ค้าอาหารในฟูดคอร์ต หลังประชาชนร้องเรียนราคาแพงเกินจริง
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามผลการดำเนินงานกระทรวงพาณิชย์ วานนี้ (4 ก.พ.) ว่า กระทรวงพาณิชย์จะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาเห็นชอบจัดตั้ง คณะกรรมการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และกรรมการประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อยกระดับการแก้ปัญหาการส่งออกสินค้าไทยให้เป็นวาระแห่งชาติ และผลักดันให้มูลค่าการส่งออกไทยในปีนี้บรรลุตามเป้าหมายการขยายตัวที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้ที่ 4% โดยคาดว่านายกรัฐมนตรีจะเห็นชอบและจัดตั้งได้ในเร็วๆ นี้
สำหรับคณะกรรมการชุดดังกล่าวประกอบด้วย ตัวแทนจากกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาหอการค้าเเห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย มีหน้าที่จัดทำยุทธศาสตร์ส่งเสริมและผลักดันการส่งออก รวมถึงแก้ปัญหาและอุปสรรค เพื่อให้การส่งออกขยายตัวได้ตามเป้า เพราะปัจจุบันการส่งออกไทยมีปัญหามาก ซึ่งปัญหาบางอย่างเป็นปัญหาของหน่วยงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่กระทรวงพาณิชย์ จำเป็นต้องให้ฝ่ายนโยบายสั่งการในการแก้ปัญหา แต่หากเป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ก็สามารถสั่งการให้แก้ไขได้ทันที ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนมีปัญหาที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ ก็สามารถนำเสนอได้เช่นกัน
“ต้องทำเรื่องส่งออกให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะกระทรวงพาณิชย์แก้ปัญหาคนเดียวไม่ได้ ต้องให้หลายหน่วยงานช่วยกัน ซึ่งคณะกรรมการจะช่วยกันกำหนดรูปแบบการส่งออก ยุทธศาสตร์การเข้าสู่ตลาด การแสวงหาวัตถุดิบ การพัฒนาและเพิ่มมูลค่าสินค้า รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้การส่งออกไทยขยายตัวได้อย่างยั่งยืน” นางอภิรดีกล่าว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ยังคงยืนยันเป้าหมายการส่งออกปีนี้ขยายตัวที่ 4% ตามเดิม ยังไม่ปรับลดเป้าหมายลง เพราะถือว่าเป็นเป้าหมายในการทำงาน และเพิ่งผ่านไปเพียงแค่ 1 เดือนยังมีเวลาที่จะทำงานอีกมาก อีกทั้งการตั้งเป้าไว้สูงก็เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ แม้ว่าปัจจุบันจะมีหลายหน่วยงาน รวมถึงภาคเอกชนได้ปรับลดการคาดการณ์ลงเหลือขยายตัวต่ำกว่า 4% ก็ตาม
นางอภิรดีกล่าวว่า ปีนี้กระทรวงพาณิชย์จะผลักดันการค้าชายแดนควบคู่ไปกับการผลักดันการส่งออก โดยได้ตั้งเป้าหมายการค้าชายแดนขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% หรือมีมูลค่าการค้าไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งในปี 2557 มีมูลค่า 1.15 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ในการขยายการค้าชายแดนดังกล่าว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รมว.พาณิชย์ไทยได้มีโอกาสหารือกับ รมว.พาณิชย์พม่า โดยไทยได้เสนอให้ 2 ประเทศเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็นไม่ต่ำกว่า 120,000 ล้านบาทภายใน 1-2 ปีนี้ และระหว่างวันที่ 5 ก.พ.นี้จะมีการหารือกับกระทรวงพาณิชย์ลาว ซึ่งจะเสนอให้มีการขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ส่วนระหว่างวันที่ 11-12 ก.พ.นี้ ตนจะนำคณะเดินทางไปอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อติดตามปัญหา อุปสรรค รวมถึงข้อเสนอแนะของภาคเอกชนใน 5 จังหวัดทางภาคใต้ เพื่อผลักดันการค้าชายแดน และการร่วมกันพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัปดาห์หน้า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ จะเชิญผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า และห้างค้าปลีกสมัยใหม่ มาขอบคุณที่ให้ความร่วมมือจัดกิจกรรมของขวัญปีใหม่ โดยขายสินค้าราคาถูกในช่วงปลายปี 2557 และจะใช้โอกาสนี้ในการสอบถามถึงการลดต้นทุนด้านต่างๆ ให้แก่ผู้ขายอาหารปรุงสำเร็จภายในศูนย์อาหารของห้างว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ทั้งค่าเช่า ค่าส่วนแบ่งการขาย ค่ากระแสไฟฟ้า เป็นต้น เพราะขณะนี้ต้นทุนค่ากระแสไฟฟ้าลดลงมากจากการปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) เพื่อให้ผู้ค้าอาหารปรุงสำเร็จสามารถขายอาหารได้ในราคาไม่แพงเกินไป และช่วยบรรเทาค่าครองชีพให้แก่ประชาชน
ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าราคาอาหารในศูนย์อาหารของห้างสรรพสินค้าหลายแห่งแพงเกินจริง เช่น ข้าวขาหมู เริ่มต้นจานละ 50 บาท ขาหมูเปล่า เริ่มต้นจานละ 80 บาท ก๋วยเตี๋ยว จานละ 45 บาท ข้าวราดแกง 2 อย่าง จานละ 40 บาท เป็นต้น ทั้งที่ราคาภายนอกห้างเริ่มต้นที่ 30 บาทเท่านั้น จึงต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลให้ผู้ค้าขายในราคาที่เป็นธรรม