กรมพัฒนาธุรกิจการค้าตั้งเป้าดันธุรกิจ 1,580 รายที่ผ่านการฝึกอบรม ทั้งค้าส่ง ค้าปลีก แฟรนไชส์ ลอจิสติกส์ ท่องเที่ยว บัญชี บริหารทรัพย์สิน แต่งตัวเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างโอกาสให้ธุรกิจมีการขยายตัวได้มากขึ้น
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาต่อยอดธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ณ ศูนย์ถ่ายทอดความรู้ AEC กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า กรมฯ ได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจและสร้างความพร้อมแก่ผู้ประกอบธุรกิจไทย โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) โดยตั้งเป้าที่จะผลักดันให้ธุรกิจที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพจากกรมฯ จำนวน 1,580 ราย ทั้งธุรกิจค้าส่งค้าปลีก แฟรนไชส์ บริการลอจิสติกส์ การท่องเที่ยว สุขภาพ บริการด้านบัญชี สำนักงานบัญชีคุณภาพ ธุรกิจบริหารทรัพย์สิน และธุรกิจที่ได้รับรางวัลธรรมาภิบาลดีเด่นจากกรมฯ รวมทั้งธุรกิจสาขาต่างๆ แปรสภาพกิจการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต
ทั้งนี้ กรมฯ ได้ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) และสภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ ในการส่งผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดหลักทรัพย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการวางระบบบัญชีและรายงานทางการเงิน มาทำการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์แก่ผู้เข้ารับการอบรม เพื่อสร้างโอกาสในการต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีศักยภาพและมั่นคงในระยะยาว
“กรมฯ ต้องการสร้างความพร้อมให้ผู้ประกอบธุรกิจไทย โดยจะผลักดันให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพที่กำหนด แล้วจากนั้นจะช่วยพัฒนาธุรกิจให้มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น และผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพเพื่อแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะช่วยในการขยายกิจการ และการระดมทุนจากประชาชนทั้งนักลงทุนในและต่างประเทศเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคธุรกิจ”
น.ส.ผ่องพรรณกล่าวว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปลายปี 2558จะทำให้อาเซียนเป็นตลาดเดียว ทั้งด้านการค้า การลงทุน และมีตลาดรองรับขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบธุรกิจของไทย โดยเฉพาะ SMEs จะสามารถแสวงหาโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ที่ผ่านมาปัญหาของ SMEs มักจะมีปัญหาการขาดแคลนประสบการณ์ เงินทุน ซึ่งการสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจ กรมฯ ได้ดำเนินการมาแล้ว และกำลังจะต่อยอดให้ธุรกิจพัฒนาจนสามารถเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้
สำหรับการพัฒนาธุรกิจเพื่อต่อยอดเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้ มีธุรกิจให้ความสนใจเข้าร่วมอบรมจำนวน 137 บริษัท โดยหลังการอบรม กรมฯ จะทำการสรุป ประเมินผล และนำผลที่ได้มาทำการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อพัฒนาธุรกิจในภาพรวมต่อไป