จับตาล้มกระดานสรรหา ผอ.ขสมก. เกมยื้อผลประโยชน์องค์กร

จับตาล้มกระดานสรรหา ผอ.ขสมก.คนใหม่ อ้างเหตุไม่มีผู้ผ่านคะแนนแสดงวิสัยทัศน์ วงในเผย ขสมก.มีปัญหาทุจริต คอร์รัปชันภายในองค์กรมาก หวั่นหากเป็นคนนอกถูกรื้อแน่ ส่วน “โอภาส” ติดปมมีการร้องเรียนมากสมัยนั่ง ผอ.ขสมก. ส่อครหาหนักหากได้รับคัดเลือก เปิดทาง “ปราณี” นั่งรักษาการอีกยาว เดินเกมคุมประมูลรถเมล์ NGVด้าน “พล.ต.อ.เอก” เผยต้องการคนเก่งมาทำงาน สั่งเร่งรัดสรรหา หากไม่ได้ต้องขอฟังเหตุผล

แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยถึงการสรรหาผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) คนใหม่ว่า ภายใน ขสมก.มีกระแสข่าวว่าการสรรหา ผอ.ขสมก.รั้งนี้อาจจะต้องล้มเลิก โดยใช้เหตุว่าไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์การสรรหาทำให้ไม่มีผู้มีความเหมาะสมในการเป็น ผอ.ขสมก. และขอให้เริ่มต้นกระบวนการสรรหาฯ กันใหม่ โดยการสรรหา ผอ.ขสมก.ครั้งนี้เริ่มต้นกระบวนการตั้งแต่สมัยพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล หลังจากที่นายโอภาส เพชรมุณี ดำรงตำแหน่งครบวาระ 4 ปี เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 โดยมีผู้สมัคร 8 คน ได้แก่ นายทองอยู่ คงขันธ์ นายวิทยา มกรพงศ์ นายวีรศักดิ์ พรหมภักดี นายโอภาส เพชรมุณี นายณัชชภัทรพงษ์ แย้มประดิษฐ์ นายสมชาย ทองคำคูณ นายณัฐศิลป์ จงสงวน และ นางสาวหทยา วรปัญญา และอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ ต่อมาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าบริหารประเทศ ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนประธานบอร์ด ขสมก.เป็น พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ซึ่งทำให้กระบวนการสรรหาฯ หยุดชะงักไประยะหนึ่ง ต่อมามีการตั้งคณะกรรมการสรรหาฯ ชุดใหม่ โดยมีนายวันชาติ สันติกุญชร รองอธิบดีอัยการ เป็นประธานสรรหา เพื่อเดินหน้ากระบวนการสรรหาต่อไปตามขั้นตอนคือประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ

แหล่งข่าวกล่าวว่า สาเหตุที่ ขสมก.ไม่ยกเลิกการสรรหาตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเนื่องจากเกรงว่าจะถูกฟ้องร้องได้ จึงเดินหน้าให้มีการแสดงวิสัยทัศน์และใช้เกณฑ์คะแนนมาเป็นตัวกำหนดว่าไม่มีผู้ผ่านการพิจารณาจะเหมาะสมกว่า ในขณะเดียวกันตัวเต็งอย่างนายโอภาส ซึ่งเป็นอดีต ผอ.ขสมก.นั้น แม้จะมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับบอร์ด ขสมก.บางคนในปัจจุบัน แต่หากเลือกนายโอภาสจะมีข้อท้วงติงถึงความไม่เหมาะสมในหลายเรื่อง ทั้งกรณีที่นายโอภาสถูกบัตรสนเท่ห์วิจารณ์การทำงานที่ไม่โปร่งใสจำนวนมาก และมีเรื่องถูกร้องเรียนอีกด้วย รวมถึงการทำงานในตำแหน่ง ผอ.ขสมก. 4 ปีไม่ได้แสดงให้เห็นว่านายโอภาสสามารถแก้ปัญหาองค์กรได้

ในขณะที่มีกระแสข่าวระบุว่า ฝ่ายนโยบายนั้นมีความเห็นว่า ผอ.ขสมก.คนใหม่ควรเป็นผู้สมัครคนนอกซึ่งเป็น 1 ใน 3 คนที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์เข้ามา แต่มีกระบวนการสกัดกั้น โดยเสนอให้ล้มการสรรหาฯ และให้นางปราณี ศุกระศร กรรมการทำหน้าที่ รักษาการ ผอ.ขสมก.ต่อไป ซึ่งนอกจากจะไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามาเพราะการบริหารภายใน ขสมก.นั้นมีการทุจริตคอร์รัปชันมากมาย ในขณะเดียวกันผู้บริหาร ขสมก.ต้องการรักษาอำนาจไว้เพื่อจัดการโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 3,183 คัน วงเงิน 13,162.2 ล้านบาทให้เรียบร้อยด้วย ซึ่งในแวดวงผู้ประกอบการทราบดีว่าผู้บริหาร ขสมก.มีความสนิทสนมกับเอกชนรายใหญ่ที่จะเข้าร่วมประมูลจัดหารถเมล์ NGV

ด้านนายวันชาติ สันติกุญชร รองอธิบดีอัยการ สำนักงานที่ปรึกษากฎหมายและกรรมการ ขสมก. ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา ผู้สมัครซึ่งผ่านคุณสมบัติจำนวน 3 คนได้เข้ารับการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์เรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ระหว่างการประมวลผลคะแนนจากคณะกรรมการสรรหาฯ แต่ละคนเพื่อสรุปเสนอที่ประชุมบอร์ด ขสมก.ที่มี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธาน ในวันที่ 28 มกราคมนี้ โดยได้ชี้แจงหลักในการให้คะแนนต่อผู้สมัครทั้ง 3 รายเรียบร้อยแล้ว โดยเกณฑ์สัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์คือ 70 คะแนน ซึ่งเท่ากับการสรรหาครั้งก่อนหน้า

ทั้งนี้ การเสนอผลสรรหาฯ นั้น กรณีผ่านเกณฑ์ 70 คะแนนจะจัดลำดับผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดและลำดับรองเสนอบอร์ด ส่วนกรณีที่ไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์ 70 คะแนนจะไม่เสนอรายชื่อ และแจ้งให้บอร์ดรับทราบถึงผลการพิจารณาเท่านั้น ซึ่งคณะกรรมการสรรหาฯ มีอิสระในการพิจารณาและให้คะแนนอย่างเต็มที่ โดยผู้ที่มีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์ที่กำหนดและผ่านการพิจารณาเพียง 3 รายได้แก่ 1. นายโอภาส เพชรมุณี 2. นายวีรศักดิ์ พรหมภักดี 3. นายวิญญา มกรพงศ์

ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และประธานบอร์ด ขสมก. กล่าวว่า หลักการของบอร์ดต้องการคนดีมีความสามารถเข้ามาเป็น ผอ.ขสมก. และต้องการให้เร่งรัดการสรรหาให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพราะตำแหน่ง ผอ.ขสมก.ว่างมากว่า 1 ปีแล้ว แต่ต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ได้เร่งรัดมาเช่นกัน แต่ทั้งนี้ต้องรอคณะกรรมการสรรหาฯ สรุปผลก่อนว่ามีผู้ผ่านการคัดเลือกอย่างไร หรือหากไม่มีผู้ผ่านการพิจารณาจริงจะต้องมีเหตุผลมาชี้แจง