“ไฮเออร์” จ่อรุกตลาดแพลตฟอร์มออนไลน์รายแรกของ “ไฮเออร์” ทั่วโลก ดึงพันธมิตรขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ หวังปีแรกโกย 100 ล้านบาท ดันรายได้รวมการขายในไทย 2,300 ล้านบาท พร้อมดึง “โอกิลวี่” เร่งสร้างแบรนด์
นายหยาง เสี้ยว หลิน ประธานกลุ่มบริษัท ไฮเออร์ ประเทศไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า “ไฮเออร์” เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเปิดตัวเว็บไซต์ของบริษัทฯ ในวันที่ 28 มกราคม ศกนี้ เป็นแพลตฟอร์มใหม่ในการทำธุรกิจในประเทศไทยซึ่งถือเป็นประเทศแรกในโลกของ “ไฮเออร์” ที่รุกตลาดด้วยแพลตฟอร์มเว็บไซต์ โดยไม่ใช่เป็นเพียงเว็บไซต์ขายสินค้าเท่านั้น แต่จะเป็นคล้ายเว็บชุมชนออนไลน์และมีพันธมิตรอื่นมาร่วมในเว็บนี้ด้วยเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ และขายสินค้าที่จะมีทั้งแบรนด์ “ไฮเออร์” กับสินค้าอื่นด้วย
ในปีแรกจะเป็นปีของการลงทุนและเริ่มทำตลาด ขณะเดียวกันก็จะเริ่มจำหน่ายสินค้าด้วย แต่เป็นของพันธมิตรแบรนด์อื่นยังไม่มีของ “ไฮเออร์” คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ทำให้ผลประกอบการรวมของ “ไฮเออร์” ในประเทศไทยปี 2558 สามารถเติบโต 20% หรือมีรายได้รวมประมาณ 2,300 ล้านบาท จากปี 2557 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้รวมในไทยประมาณ 1,900 ล้านบาท และรายได้จากการส่งออกประมาณ 6,300 ล้านบาท เติบโต 5.5%
สัดส่วนรายได้บริษัทฯ มาจาก เครื่องปรับอากาศ 700 ล้านบาท ตู้เย็น 600 ล้านบาท ตู้แช่แข็ง 200 ล้านบาท เครื่องซักผ้า 200 ล้านบาท โทรทัศน์ 120 ล้านบาท และ สินค้าอื่นๆ 80 ล้านบาท จากที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมา 13 ปี โดยสัดส่วนรายได้มาจากภายในประเทศไทย 30% และส่งออก 70%
นายหยางย้ำด้วยว่า ประเทศไทยเป็นตลาดหลักของ “ไฮเออร์” ที่จะใช้เป็นหลักในการรุกตลาดอาเซียน เนื่องจากมี 3 ส่วนหลัก คือ วิจัยและพัฒนา การผลิต การจำหน่าย ซึ่งบริษัทแม่คาดหมายไว้ว่าภายใน 5 ปีจากนี้รายได้ของไฮเออร์ทั่วอาเซียนจะต้องมีประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นสัดส่วนรายได้ที่มาจากประเทศไทยประมาณ 300 ล้านเหรียฐสหรัฐ โดยกลยุทธ์การรุกตลาดด้วยเว็บไซต์ หรือออนไลน์นี้จะเป็นอีกแรงหนึ่งที่ผลักดันไปสู่เป้าหมายได้
อย่างไรก็ตาม “ไฮเออร์” ได้เซ็นสัญญากับ “โอกิลวี่” ซึ่งป็นเอเยนซีเพื่อช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบริหารแฟนเพจและการทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจ โดยมีเป้าหมายการเพิ่มยอดแฟนเพจให้ได้ 1 ล้านคนภายในปี 2558 และตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3-5 ปี แบรนด์ “ไฮเออร์” จะต้องติดตลาดท็อปไฟว์ในไทยให้ได้จากปัจจุบันที่คาดว่าอยู่ในระดับท็อปเซเวน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับแบรนด์จากเกาหลีและญี่ปุ่นที่ทำตลาดในประเทศไทยมานานแล้ว
ด้านของการลงทุนในประเทศไทยปีที่ผ่านมาได้ลงทุนก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมขนาดใหญ่มาตรฐานในไทยซึ่งจะใช้เป็นศูนย์กลางฝึกอมรมของอาเซียนด้วยคาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปีนี้ ขณะเดียวกันก็ยังอยู่ระหว่างการเพิ่มไลน์ผลิตเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ด้วยคาดว่าจะเสร็จต้นปีนี้เช่นกัน ส่งผลให้ปัจจุบัน “ไฮเออร์” มีโรงงานผลิตสินค้าในประทศไทย คือ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และตู้แช่ ส่วนสินค้าที่นำเข้าจากโรงงานที่ประเทศจีนคือ เครื่องทำน้ำอุ่น และเตาไมโครเวฟ ซึ่งยังไม่มีแผนที่จะผลิตแต่อย่างใด โดยก่อนหน้านี้ได้มีการโยกย้ายสายการผลิตตู้เย็นรุ่นเล็กขนาด 1 ประตูผลิตในประเทศไทยไปผลิตที่อินโดนีเซียแทน ขณะที่เวียดนามผลิตเครื่องซักผ้ากับตู้เย็น