ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้นำด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ด้านความงามสบช่องสังคมไทยเข้าสู่ยุคผู้สูงวัยเพิ่มขึ้น เร่งนำเข้าเครื่องออกกำลังกายและโภชนาการเพื่อผู้สูงอายุ เปิดตลาดสถานพยาบาลรัฐ-เอกชน หวังทำกำไรเพิ่ม 2 เท่าจากยอดขาย 300 ล้านบาทในปี 57 พร้อมรุกเออีซีก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai ช่วงกลางปี 58
นายอนุวัตร เลิศพิทักษ์สุนทร กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟิลเทค เอ็นเตอร์ไพรส์ 1994 จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ด้านจักษุแพทย์ (Lasik) และความงาม เปิดเผยว่า แม้ตลาดเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ทางด้านความงามจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2556 แต่ก็ยังคงมีอัตราการเติบโตประมาณ 10-15% คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการพึ่งพาเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเลี่ยงการผ่าตัดเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับผลวิจัยของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งจัดอันดับให้ “ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม” ยังคงเป็นธุรกิจที่มีความโดดเด่นเป็นอันดับหนึ่งในปี 2558
เช่นเดียวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งได้รับผลกระทบหนักสุดในช่วงไตรมาสแรกของปี 2557 จนมียอดขายลดลงถึง 20% และส่งผลให้ยอดขายรวมตลอดทั้งปีลดลง 5% แต่กลับสามารถทำกำไรเพิ่มได้ถึง 1 เท่าตัวจากรายได้ประมาณ 300 ล้านบาท เนื่องจากราคาต่อหน่วยของเครื่องมือและอุปกรณ์มีราคาสูงขึ้นตามระดับเทคโนโลยี โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลเอกชนและคลินิกเสริมความงาม ประมาณ 50% รองลงมาคือโรงพยาบาลรัฐในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 30% และสถาบันการศึกษาทางการแพทย์ประมาณ 20%
ปัจจุบันบริษัทฯ แบ่งสายธุรกิจเป็น 4 ด้าน คือ กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ด้านใบหน้า ผิวหนัง และความงาม มีสินค้าประมาณ 20 เอสเคยู ทำรายได้หลักประมาณ 60-65% ส่วนที่เหลือ 35-40% เป็นกลุ่มเครื่องมือทางจักษุแพทย์ (Lasik) มีสินค้าประมาณ 10 เอสเคยู กลุ่มเครื่องมือทางด้านกายภาพบำบัด มีสินค้า 2 เอสเคยู และกลุ่มเครื่องมือสัตวแพทย์ มีสินค้า 4 เอสเคยู
ในปี 2558 บริษัทฯ จะมีสินค้าเพิ่มอีกประมาณ 5 รายการในกลุ่มธุรกิจใหม่ คือ หุ่นยนต์ปลูกผม เครื่องมือศัลยกรรมด้านสูตินรีแพทย์ (รักษาโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และตกแต่งช่องคลอดหลังคลอดบุตร) เครื่องออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงโภชนาการและอาหารเสริมสำหรับผู้สูงอายุ โดยคาดว่าจะช่วยให้บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า หรือมีอัตราการเติบโตขึ้น 30% คิดเป็นยอดขายรวมประมาณ 400 ล้านบาท
นายอนุวัตรกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันบริษัทฯ ถือเป็นผู้นำตลาดในส่วนของพรีเมียมแบรนด์ ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการหลังการขาย ซึ่งแม้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ มีราคาต่อหน่วยค่อนข้างสูง แต่ก็ได้รับการตอบรับจากหน่วยงานด้านการแพทย์ทั้งของรัฐและเอกชน โดยในปี 2558 บริษัทฯ ตั้งเป้าขายหุ่นยนต์ปลูกผมประมาณ 4 เครื่อง ราคาเครื่องละ 16 ล้านบาท ขณะที่เครื่องมือศัลยกรรมด้านสูตินรีแพทย์มีราคาประมาณ 3 ล้านบาท ตั้งเป้าขาย 12 เครื่อง และเครื่องออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุราคาประมาณ 3 ล้านบาท ตั้งเป้าขาย 20 เครื่อง
“การเพิ่มสินค้าใหม่ครั้งนี้เป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดีขึ้น ประกอบกับสังคมไทยที่เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงและต้องการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการป้องกันรักษา โดยบริษัทฯ มีการนำเข้าเครื่องมือและอุปกรณ์ทั้งหมดจากสหรัฐอเมริกา เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ฝรั่งเศส และเดนมาร์ก”
นายอนุวัตรกล่าวด้วยว่า ตลาดเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ด้านความงามยังคงมีทิศทางและแนวโน้มที่ดี เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนหลายๆ ด้าน ทั้งความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์ ความทันสมัยของเครื่องมือและอุปกรณ์ ตลอดจนค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ ที่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ จึงทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาประเทศว่าเป็นศูนย์กลางทางด้านการแพทย์ในเออีซี
ในปี 2558 บริษัทฯ ยังมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศพม่า กัมพูชา และลาว โดยในเบื้องต้นจะเริ่มทำตลาดด้วยการร่วมงานแสดงสินค้าและนิทรรศการทางการแพทย์ ก่อนที่จะเริ่มติดต่อกับพันธมิตรทางธุรกิจในแต่ละประเทศ ก่อนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ประมาณช่วงกลางปี