ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ร่วมวงค้าปลีก ผุดโครงการคอมมูนิตีมอลล์ขนาดย่อม “วันอุดมสุข” บนพื้นที่ 8 พันตารางเมตร เมินดึงแบรนด์ดังร่วมโครงการ แต่เน้นส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย หวังสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกับชุมชนอุดมสุขควบคู่กับการพัฒนาธุรกิจ พร้อมเล็งสถานการณ์ก่อนพัฒนาโครงการใหม่บนพื้นที่ 20 ไร่บริเวณฝั่งตรงข้ามโครงการแรก
นายปิติภัทร บุรี กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ภิรัชบุรี จำกัด ผู้บริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำมาเป็นเวลากว่า 30 ปี เปิดเผยว่า บริษัทฯ ใช้เวลาศึกษาและวิจัยตลาดเป็นเวลาประมาณ 2 ปีก่อนที่จะเริ่มดำเนินงานบริหารโครงการคอมมูนิตีมอลล์ “วันอุดมสุข” ริมถนนสุขุมวิท ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอุดมสุข บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ซึ่งแต่เดิมเป็นสินทรัพย์ของบริษัทฯ มีลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น บริษัทฯ จึงใช้งบประมาณ 90 ล้านบาทในการรีโนเวตเป็นคอมมูนิตีมอลล์โครงการแรกของบริษัทฯ คิดเป็นพื้นที่ร้านค้าทั้งสิ้นประมาณ 8 พันตารางเมตร รวมพื้นที่จอดรถยนต์ประมาณ 50 คัน โดยได้เริ่มเปิดให้บริการแล้วประมาณ 1 ปี
โครงการ “วันอุดมสุข” ถือเป็นคอมมูนิตีมอลล์ที่มีความแตกต่างจากคอมมูนิตีมอลล์อื่นๆ หลายด้าน เนื่องจากบริษัทฯ ไม่ได้พัฒนาโครงการบนพื้นที่ขนาดใหญ่และไม่เน้นร้านค้าแบรนด์ดัง แต่จะคัดเลือกร้านค้าและบริการภายในโครงการที่เป็นผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SMEs ให้มีความสอดคล้องและเหมาะสมกับวิถีการดำรงชีวิตประจำวันของชุมชน เพื่อเป็นการส่งเสริมและผสมผสานความเป็นหนึ่งเดียวกับชุมชนโดยรอบพื้นที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาธุรกิจ
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการและเปิดให้บริการแล้วประมาณ 25 ร้านค้า คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของพื้นที่เต็ม ซึ่งจะสามารถเปิดให้บริการได้ 30 ร้านค้า ตั้งแต่ขนาดพื้นที่ 70-200 ตารางเมตร โดยส่วนมากเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี สถาบันเสริมความงาม สถาบันกวดวิชา สถาบันสุขภาพและฟิตเนส รวมถึงร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ และอื่นๆ
“ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในโครงการถือว่ามีความแตกต่างจากโครงการอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด เพราะนอกจากส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว ภายในโครงการยังเป็นที่ตั้งของร้านสะดวกซื้อ LAWSON และร้านขายยาซูรูฮะ ซึ่งถือเป็นแบรนด์ดังชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นที่กำลังเริ่มทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจังมากขึ้น”
นายปิติภัทรกล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากโครงการมีความได้เปรียบเรื่องทำเลที่ตั้งจึงกำหนดลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มคนวัยทำงานและผู้พักอาศัยย่านอุดมสุขและบริเวณใกล้เคียงในรัศมีประมาณ 5 กิโลเมตรซึ่งเป็นที่ตั้งของคอนโดมิเนียมหลายโครงการ โดยปัจจุบันลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงก่อนและหลังเวลาทำงานของวันจันทร์-ศุกร์ เฉลี่ยวันละประมาณ 4-5 พันคน ล่าสุดเริ่มมีชาวต่างชาติที่พักอาศัยตามคอนโดมิเนียมในย่านนี้มาใช้บริการมากขึ้นประมาณ 20-40% ส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และยุโรป โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละประมาณ 100-300 บาทต่อครั้ง ขณะที่มีรถยนต์หมุนเวียนเข้า-ออกวันละประมาณ 500 คัน
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 25 ล้านบาทในปี 2557 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 27 ล้านบาทในปี 2558 พร้อมคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 6-7 ปี โดยภายใน 5 ปีนับจากนี้อาจมีการพัฒนาโครงการแห่งที่ 2 บนพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ บริเวณฝั่งตรงข้ามโครงการซึ่งเป็นสินทรัพย์ของบริษัทฯ เช่นกัน โดยจะพยายามติดตามสถานการณ์และตลาดก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนโครงการในลักษณะใด