xs
xsm
sm
md
lg

“ห้าดาว” ยึดพื้นที่เอเชียดันแบรนด์ชิงตลาดไก่ทอด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ซานจีฟ แพนท์” (ที่ 2 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
ASTVผู้จัดการรายวัน - “ซีพี” ปรับโมเดลธุรกิจแบรนด์ “ห้าดาว” สู่ธุรกิจ Quick Service Restaurant เร่งขายแฟรนไชส์ทำตลาดไก่ทอด 8 ประเทศหลักในเอเชีย พร้อมใช้ผลิตภัณฑ์ไส้กรอก นักเก็ต และอื่นๆ แบรนด์ “CP” เจาะกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานตอนต้นชนชั้นกลางที่มีอายุ 20-30 ปี ในเมืองใหญ่ หวังขยายพื้นที่ขายครอบคลุมทั้งประเทศอินเดีย และเวียดนามภายใน 5-10 ปี ก่อนขยายไปยังประเทศอื่นๆ

นายซานจีฟ แพนท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ผู้ดูแลและรับผิดชอบธุรกิจ “ห้าดาว” ในต่างประเทศ (อินเดีย และเวียดนาม) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เริ่มเข้าไปดำเนินธุรกิจห้าดาวในพื้นที่ตอนใต้ของประเทศอินเดีย ณ เมืองบังกาลอร์ และเชนไน ซึ่งมีฟาร์มเลี้ยงไก่ และโรงงานผลิตอาหารสัตว์ของบริษัทฯ เปิดดำเนินงานอยู่แล้ว โดยเริ่มแรกเปิดจุดขายเป็นลักษณะซุ้ม (Kiosk) เช่นเดียวกับประเทศไทย เมื่อประมาณเดือน พ.ย.55 แต่ไม่ได้รับการตอบรับ และได้รับความเชื่อมั่นในแบรนด์จากผู้บริโภคชาวอินเดียมากนัก จึงต้องปรับเป็นลักษณะร้านค้าขนาดพื้นที่ 100-150 ตารางฟุต ในรูปแบบ Quick Service Restaurant (QSR) ภายใต้ชื่อ “Five Star Chicken” เมื่อประมาณเดือน ม.ค.56

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีพื้นที่ขายครอบคลุมพื้นที่ตอนใต้ของประเทศอินเดียประมาณ 4 หมื่นตารางกิโลเมตร รวมทั้งสิ้น 225 จุดขาย แบ่งเป็นร้านในเมืองบังกาลอร์ 125 จุดขาย เมืองเชนไน 40 จุดขาย และเมืองอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง 60 จุดขาย โดยยังคงมีจุดขายในลักษณะซุ้มประมาณ 3-5 จุดขาย ขณะที่มีเป้าหมายขยายจุดขายเพิ่มเดือนละ 10-15 แห่ง หรือคิดเป็น 250 แห่งภายในสิ้นปี 2557 และเพิ่มเป็น 500 จุดขายภายในปี 2558 โดยคาดว่าจะมีจุดขายครอบคลุมพื้นที่ทั้งประเทศอินเดียภายใน 5-10 ปีข้างหน้า

“ตามแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ เน้นทำการตลาดกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานตอนต้นชนชั้นกลาง อายุ 20-30 ปี ในเมืองใหญ่ๆ ที่มีจำนวนประชากร 5-10 ล้านคนขึ้นไป เริ่มจากขยายพื้นที่จุดขายให้ครอบคลุมพื้นที่ตอนใต้ในเมืองบังกาลอร์ ที่มีประชากร 8 ล้านคน และเมืองเชนไนซึ่งมีประชากร 10 ล้านคน ก่อนจะขยายไปสู่เมืองมุมไบ ทางภาคตะวันตกซึ่งมีประชากร 20 ล้านคน ต่อด้วยเมืองนิวเดลี ที่มีประชากร 15 ล้านคน และสุดท้ายคือ เมืองกัลกัตตา ทางฝั่งตะวันออกซึ่งมีประชากร 12 ล้านคน”
ร้าน “Five Star Chicken” ในประเทศอินเดียที่ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 500 จุดขายในปี 2558
ธุรกิจห้าดาวในประเทศอินเดียมีลักษณะเป็นแฟรนไชส์ประมาณ 80% ส่วนที่เหลือ 20% เป็นการลงทุนของบริษัทฯ โดยในส่วนของจุดขายที่เป็นร้านมีรายได้เฉลี่ย 1.1-1.2 หมื่นรูปี หรือประมาณ 6.5 พันบาทต่อวัน ขณะที่จุดขายที่เป็นซุ้มมีรายได้เฉลี่ย 5 พันรูปี หรือประมาณ 3 พันบาทต่อวัน โดยสินค้าที่จำหน่ายเน้นไก่ทอดทั้งสูตรไทย และสูตรอินเดียเพียง 6-7 เอสเคยู โดยแต่ละจุดขายยังจะมีการเพิ่มเมนูมังสวิรัติประมาณ 20% เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่รับประทานอาหารมังสิวิรัติเป็นจำนวน 50% ของประชากรทั้งหมด

การทำตลาด QSR ในประเทศอินเดียแม้จะมีคู่แข่งมาก และค่อนข้างเสียเปรียบด้านจำนวนจุดขายเนื่องจากเพิ่งเข้าไปทำตลาดได้เพียง 2 ปี แต่เนื่องจากชาวอินเดียยังคงมีอัตราการบริโภคไก่น้อยมากคือ ประมาณ 3.6 กิโลกรัมต่อคนต่อเดือน เมื่อเทียบกับประเทศไทย ซึ่งบริโภคมากถึง 15 กิโลกรัมต่อคนต่อเดือน รัฐบาลอินเดียจึงพยายามกระตุ้นให้ประชาชนบริโภคไก่เพิ่มขึ้นตามผลวิจัยของหน่วยงานประเทศอินเดีย คือ National Institute of Nutrition (NIN) คือ ประมาณ 10 กิโลกรัมต่อคนต่อเดือน จึงทำให้ตลาดมีโอกาสเติบโตอีกมาก

“ปัจจุบันมูลค่าตลาดเนื้อไก่ในประเทศอินเดียมีประมาณ 7-8 พันล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นไก่สด 90% ส่วนที่เหลือ 10% เป็นไก่แปรรูป และไก่ปรุงสำเร็จรูป แต่ละปีมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10% บริษัทฯ จึงมีแผนขยายตลาดเพิ่มขึ้นด้วยการก่อสร้างโรงงานแปรรูปเนื้อไก่เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้แบรนด์ “CP” เช่น ไส้กรอก นักเก็ต และอื่นๆ ด้วยกำลังการผลิต 3 พันตันต่อชั่วโมง โดยลงทุนประมาณ 25 ล้านเหรียญสหรัฐ บนพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ ตั้งอยู่ระหว่างเมืองเชนไนกับเมืองบังกาลอร์ คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2558”
ซุ้ม “Five Star Vietnam” ซึ่งปัจจุบันมีถึง 520 จุดขายในประเทศเวียดนาม
นายซานจีฟ ยังกล่าวถึงการทำตลาดในประเทศเวียดนามว่า บริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจห้าดาวเมื่อประมาณปี 2553 ทั้งในลักษณะร้านเหมือนประเทศอินเดีย และซุ้มเช่นเดียวกับประเทศไทยแต่จะมีขนาดใหญ่กว่า และตกแต่งให้มีความสวยงามกว่า โดยใช้ชื่อแบรนด์ “Five Star Vietnam” โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 500 จุดขาย แบ่งเป็น 450 จุดขายในพื้นที่ตอนใต้ของประเทศเวียดนามคือเมืองโฮจิมินห์ ซึ่งมีฟาร์มเลี้ยงไก่ และโรงงานผลิตอาหารสัตว์ตั้งอยู่ทางตอนใต้ ทั้งยังมีประชากรมากถึง 40-50% ของจำนวนประชากรทั้งหมดกว่า 90 ล้านคน ส่วนอีก 70 จุดขายตั้งอยู่พื้นที่ตอนเหนือ คือ เมืองฮานอย ซึ่งเพิ่งตั้งฟาร์ม และโรงงานแห่งที่ 2 และมีประชากร 6 ล้านคน

“การดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนามยึดรูปแบบแฟรนไชส์เช่นเดียวกับประเทศอินเดีย คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 95% เน้นกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น และวัยทำงานตอนต้นชนชั้นกลาง แต่มีสินค้ามากถึง 15-16 เอสเคยู เน้นประเภทไส้กรอก และลูกชิ้น โดยจะเพิ่มเมนูใหม่คือ ไก่จ๊อ เช่นเดียวกับประเทศไทยในช่วงกลางปี 2558 เพราะชาวเวียดนามมีการบริโภคไก่มากถึง 20 กิโลกรัมต่อคนต่อเดือน”
เมนูอาหารประเภทไส้กรอกและลูกชิ้นที่ได้รับความนิยมจากชาวเวียดนาม
ในช่วงต้นปี 2558 บริษัทฯ จะเพิ่มพื้นที่จุดขายไปยังเมืองดานัง ซึ่งอยู่ในภาคกลางของประเทศและมีประชากรประมาณ 3-4 ล้านคน โดยคาดว่าจะสามารถขยายจุดขายครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศเวียดนามได้ภายใน 5 ปี หลังจากนั้น จะใช้โมเดลธุรกิจในประเทศอินเดีย และเวียดนามทำตลาดประเทศอื่นๆ ในเอเชียต่อไป

“การดำเนินธุรกิจห้าดาวในแต่ละประเทศ บริษัทฯ เน้นใช้ความยืดหยุ่นในการปรับแบรนด์ให้มีความเหมาะสมต่อผู้บริโภคในแต่ละประเทศ โดยคำนึงถึงศาสนา พฤติกรรม วัฒนธรรม และอื่นๆ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการขยายตลาดให้ประสบความสำเร็จ” นายซานจีฟ กล่าวในที่สุด
บรรยากาศซุ้มร้าน “Five Star Vietnam” ในประเทศเวียดนาม
อนึ่ง ปัจจุบัน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) มีการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ “ห้าดาว” ในประเทศไทย จำนวน 5.5 พันจุดขาย พร้อมกับขยายไปยังประเทศต่างๆ อีก 8 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม 520 จุดขาย, อินเดีย 225 จุดขาย, พม่า 200 จุดขาย, กัมพูชา 140 จุดขาย, บังกลาเทศ 135 จุดขาย, ลาว 5 จุดขาย, มาเลเซีย 3 จุดขาย และจีน 1 จุดขาย


กำลังโหลดความคิดเห็น