xs
xsm
sm
md
lg

EGCO จ่อซื้อกิจการเพิ่มทั้งใน-ตปท. ตั้งเป้าปี 62 กำไรแตะ 1 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ผลิตไฟฟ้า” เดินเครื่องเต็มสูบลุยต่างประเทศ ดอดเจรจาซื้อกิจการทั้งในและต่างประเทศเพิ่ม 2 โครงการ ทั้งซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และซื้อหุ้นเพิ่มในโรงไฟฟ้าเดิมที่ถืออยู่ คาดได้ข้อสรุปในต้นปีนี้ พร้อมทั้งจับมือ ITD ตั้งบริษัทร่วมทุนทำธุรกิจไฟฟ้าในนิคมฯ ทวาย เล็งขนย้ายเครื่องจักรจากโรงไฟฟ้าระยองที่หมดอายุไปติดตั้งก่อน 100 เมกะวัตต์ ลั่นเห็นกำไรแตะ 1 หมื่นล้านบาทในปี 2562 หลังจากปีนี้โกยกำไร 8 พันล้านบาท

นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการทั้งในและต่างประเทศจำนวน 2 โครงการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในต้นปี 2558 โดยบริษัทฯ จะซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยที่ดำเนินการแล้ว ขณะที่ต่างประเทศจะเป็นการเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มจากผู้ถือหุ้นเดิมในโรงไฟฟ้าที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่แล้ว คาดว่าจะใช้เงินไม่มาก

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังแสวงหาโอกาสในการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่อินโดนีเซียเพิ่มอีก 120 เมกะวัตต์ หลังจากได้เข้าไปซื้อ บริษัท สตาร์ เอนเนอร์ยี่ จีโอเทอร์มอล จำกัด จากปัจจุบันที่ผลิตอยู่ 227 เมกะวัตต์ คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2561-2563 ส่วนฟิลิปปินส์ ทางบริษัท มาซินล็อค พาวเวอร์ พาร์ทเนอร์ ก็มีแผนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า เฟสที่ 2 อีกประมาณ 600 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีหน้า และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561 ใช้เงินลงทุน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) พื่อลงทุนโรงไฟฟ้าที่ทวาย ประเทศพม่า ซึ่งบริษัทฯ จะถือหุ้นใหญ่ 70% โดยจะนำเครื่องจักรเก่าจากโรงไฟฟ้าระยองที่จะหมดสัญญาในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ไปติดตั้งจำนวน 3-4 เครื่องจากทั้ง 8 เครื่อง โดยเฟสแรกจะผลิตไฟฟ้า 100 เมกะวัตต์ก่อนเพิ่มเป็น 300 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการก่อสร้าง 2 ปี แล้วเสร็จในปลายปี 2559

โครงการนี้ ทาง ITD อยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลพม่า ในการทำนิคมฯ และโรงไฟฟ้า คาดว่าจะได้ข้อสรุปในต้นปี 2558

นายสหัสกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในปี 2562 จะมีกำไรสุทธิแตะ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8 พันล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าใหม่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน กำลังก่อสร้างและเตรียมก่อสร้างจำนวน 8 โครงการที่จะทยอยจ่ายไฟฟ้าได้ตั้งแต่ปี 2558-2562 โดยไม่รวมกำไรจากการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะเข้ามาในอนาคต

ส่งผลให้สัดส่วนกำไรจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 40% ในปี 2562 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนกำไรจากต่างประเทศเพียง 22% เท่านั้น

ส่วนงบลงทุน 4 ปีข้างหน้า (2558-2561) จะใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 6.15 หมื่นล้านบาทสำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและกำลังพัฒนาทั้ง 8 โครงการ ยังไม่รวมเงินที่จะเข้าไปซื้อกิจการหรือการลงทุนโครงการใหม่ โดยปีหน้าคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 2.9 หมื่นล้านบาท และปีถัดไปใช้เงินลงทุน 1.9 หมื่นล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนส่วนหนึ่งมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของเอ็กโกเอง 2 หมื่นล้านบาท ที่เหลือเป็นโปรเจกต์ไฟแนนซ์

ขณะนี้มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 4 โครงการ คือ โครงการโรงไฟฟ้ากังหันลมในออสเตรเลีย (โบโคร็อค วินด์ ฟาร์ม) ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เดือน ก.พ. 2558 และปี 2559 ใช้เงิน 1.9 หมื่นล้านบาท โครงการโรงไฟฟ้าขนอมหน่วยที่ 4 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งคาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ มิ.ย. 2559 โครงการโรงไฟฟ้าขยะ ที่สงขลา คาดว่าจะแล้วในปลายปีนี้ โครงการไชยะบุรี ที่ สปป.ลาว คาดว่าจะแล้วเสร็จ ต.ค. 2562

ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนามี 4 โครงการ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ชัยภูมิ (ชัยภูมิ วินด์ ฟาร์ม) ซึ่งคาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ธ.ค. 2559 โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ พีพี โคเจน และเอส โคเจน จังหวัดราชบุรี และโครงการทีเจ โคเจน ปทุมธานี
กำลังโหลดความคิดเห็น