ก.ล.ต. นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) “เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี” เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 450 ล้านหุ้น ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ด้านผู้บริหาร ประกาศผลักดันบริษัทฯ สู่ผู้นำในการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าและพลังงานทดแทนแบบครบวงจรของประเทศ
นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า หลังจาก บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี หรือ PSTC ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งของบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 450 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 20.45 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้ว 175 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1,750 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท
สำหรับ บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี เป็นออกแบบ จำหน่าย และติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้าและตรวจวัดจัดการสภาพแวดล้อมที่มีคุณภาพสูง สำหรับระบบสื่อสารโทรคมนาคมให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งระบบสำรองไฟฟ้า ระบบตรวจวัดและจัดการสภาพแวดล้อม ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และระบบประหยัดพลังงาน
นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่ครอบคลุมทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวลและพลังงานขยะ เพื่อผลิตไฟฟ้าและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ตามสัญญาซื้อขายผ่านการลงทุนในบริษัทฯ ย่อยทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ บริษัท กันหา โซล่าพาวเวอร์ จำกัด บริษัท วินด์โกกรีน จำกัด บริษัท โซล่าร์โกกรีน จำกัด บริษัท ไบโอโกกรีน จำกัด บริษัท เพาเวอร์ วี กรีน จำกัด และบริษัท พีเอสที (อุบลราชธานี) จำกัดอีกด้วย
“บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี มีกำหนดเดินสายให้ข้อมูลบริษัทฯ แก่นักลงทุนในกรุงเทพฯ อำเภอ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลาและที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 24-26 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งภายหลังจากที่ ก.ล.ต. อนุญาตให้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและแบบแสดงรายการข้อมูลมีผลบังคับใช้ บล.โนมูระ พัฒนสิน และ บริษัทฯ จะร่วมกำหนดวันเสนอขายหุ้นสามัญ IPO ก่อนนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ต่อไป” นายนิมิต กล่าว
นายพระนาย กังวาลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท PSTC กล่าวว่า บริษัทฯ มีแนวทางมุ่งขยายสู่ธุรกิจ เป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าและพลังงานของประเทศ และผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนที่ครอบคลุม ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานชีวมวลและพลังงานขยะ โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 3 แห่ง 4 โครงการ ซึ่งสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบให้แก่ กฟภ. และ กฟน. เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย โครงการโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์ จังหวัดอุดรธานี 2 โครงการๆ ละ 998 กิโลวัตต์ รวม 1.996 เมกะวัตต์ กิโลวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา ขนาด 987.84 กิโลวัตต์ ที่จังหวัดสมุทรสงคราม โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาขนาด 980 กิโลวัตต์ จังหวัดนนทบุรี
นอกจากนี้ บริษัท ไบโอโกกรีน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PSTC ยังได้ทำการยื่นแบบคำขอจำหน่ายไฟฟ้าและการเชื่อมโยงไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาแบบคำขอโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนจำนวน 8 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานชีวมวลกำลังการผลิต 990 กิโลวัตต์ จำนวน 7 โครงการๆ ละ 990 กิโลวัตต์ รวมกำลังผลิต 6.93 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันได้รับการแจ้งผลการพิจารณาอนุมัติการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจาก กฟภ. แล้ว 1 โครงการ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานจากขยะ ในรูปแบบพลังงานความร้อนอีก 1 โครงการ ขนาด 8 MW โดยได้ทำการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์แล้วเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ส่วนโครงการที่บริษัทฯ ได้เข้าไปร่วมถือหุ้นในบริษัทพีวี กรีน จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาขนาด 987.84 กิโลวัตต์ ในสัดส่วนร้อยละ 19.99 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด 18 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในสิ้นปีนี้
“เรามีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าและพลังงานของประเทศแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า การออกแบบ จัดหาผลิตภัณฑ์และพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน โดยบริษัทฯ มุ่งพัฒนาสินค้าและแนวทางบริหารจัดการพลังงานใหม่ๆ และวางแผนลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องในอนาคตเพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายพระนาย กล่าว